เป็นเจ้าของภาพจิตรกรรมหลักล้านด้วยการซื้อทีวีเพียงเครื่องเดียว!!!

หลายครั้งที่เราเห็นภาพจิตรกรรมของศิลปินเอกของโลกหลายท่านทั้ง เลโอนาร์โด ดา วินชี่ ปาโบล ปิกัสโซ่ วินเซนต์ แวนโก๊ะ ฯลฯ แน่นอนเราใคร่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรหากได้เป็นผู้ครอบครองมัน น่าเสียดายที่แม้จะมีเงินมหาศาลเพียงใด ฝันก็ช่างเกินเอื้อม เพราะผลงานศิลปะบางชิ้นขึ้นหิ้งเป็นสิ่งสำคัญของโลก เลอค่าเกินกว่าผู้ใดควรจะถือครอง

ศิลปะนอกจากจะมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มหาศาลยังมีผลกับมนุษย์ในด้านจรรโลงจิตใจ เป็นแรงบันดาลใจ เป็นคำถาม และเป็นคำตอบสำหรับผู้คน สำหรับบางคนถึงแม้ฝันจะเกินเอื้อมแต่ก็ยอมจ่ายเพื่อได้ครอบครอง แม้จะเป็นเพียงภาพก็อปปี้ก็ตาม อีกหลายคนไม่ได้สนจิตรกรรมชื่อดังเพียงแค่พึงใจว่าภาพนั้นๆ สวยงามถึงจะเป็นฝีมือของศิลปินโนเนมหรืองานราคาถูกพวกเขาก็ยินดีที่จะซื้อมัน

ทว่า…ปัญหาใหญ่ของผู้คลั่งไคล้ศิลปะไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม ประติมากรรม หรือศิลปะแขนงอื่นๆ คือ ความเข้ากันไม่ได้กับบ้าน อย่างเช่นภาพวาดสีน้ำมันภาพหนึ่งมันสวยงามดึงดูดมากยามที่มันอยู่บนเฟรมในแกลลอรี่ แต่พอเราซื้อมันกลับบ้านแล้วแขวนมันไว้บนผนัง ผนังของเรากลับไปคนละทางกับผลงานสวยๆ ชิ้นนั้น อาจทำให้ภาพวาดดูหม่นหมอง ไร้ราคาไปเสียสิ้น มีหลายครั้งเหมือนกันที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้และเจ้าของบ้านลงทุนรีฟอร์มผนังทั้งผืนหรือบ้านทั้งหลังให้ไปในทิศทางเดียวกัน เพียงเพราะเสียดายความงามของผลงานศิลปะนั้นๆ

อย่ากระนั้นเลย เมื่อโลกมาถึงจุดนี้แล้ว ปัญหาแบบนั้นควรหมดสิ้นไปสักที คอนเซ็ปต์ที่ว่าของสักอย่างควรใช้ประโยชน์ได้มากกว่าหนึ่งนั้นทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะเลย เชื่อหรือไม่ว่าวันนี้เราสามารถเป็นเจ้าของภาพจิตรกรรมสวยๆ ราคาหลักล้านได้ด้วยการซื้อทีวีเครื่องเดียว?

“Samsung The Frame TV” โทรทัศน์ 4K UHD ล้ำๆ ที่สามารถกลายเป็นภาพจิตรกรรมได้ มองเผินๆ แทบไม่รู้ว่ามันคือทีวี งานนี้ผู้ผลิตกล้าๆ มาพร้อมคำโปรยสุดดึงดูดว่า “ชมทีวีเมื่อเปิด ชมศิลปะเมื่อปิด” ด้วยลูกเล่นเฉพาะตัวที่สามารถเปลี่ยนใส่กรอบทั้งสี่ด้านให้คล้ายกรอบรูปติดผนัง และเมื่อปิดทีวีมันจะแสดงผลเป็นรูปภาพที่เราตั้งค่าไว้ ไม่ว่าจะเป็นรูปจากแกลลอรี่ของตัวทีวีเอง รูปถ่ายครอบครัว หรือผลงานภาพวาดของจิตรกรชื่อดังก็สามารถนำไปใช้ได้บนทีวีอัจฉริยะเครื่องนี้ ทำให้ไม่จำเจสามารถเลือกภาพในการตกแต่งบ้านได้หลากหลาย Samsung The Frame TV ได้รับทั้งคำชมและรางวัลการันตีอย่างมากมาย ทั้งยังได้ทำลายกำแพงที่ว่าเทคโนโลยีนั้นหยาบกระด้างไร้จิตใจ แม้จะไม่ได้ทลายกำแพงนั้นโดยสมบูรณ์แต่อย่างน้อยๆ มันก็ได้พิสูจน์ว่าเทคโนโลยีนั้นสามารถเป็นในสิ่งที่เราต้องการได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้มันแง่ไหนเท่านั้นเอง

ต่อไปนี้เจ้าของ Samsung The Frame TV ก็ไม่จำเป็นต้องเผื่อพื้นที่บนผนังเพื่อทีวีและรูปภาพอีกต่อไปในเมื่อมันรวมกันได้อยู่ในโทรทัศน์เครื่องเดียว แถมยังให้ความรู้สึกเสมือนจริงทั้งอารมณ์ มุมมอง และความคมชัดอีกด้วย

 

ไม่ปวดเมื่อยอีกต่อไปเมื่อมี AI มาช่วยนวด

ทุกข์เวทนาอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้คือความเจ็บป่วย ความเจ็บป่วยสร้างความทุกข์ทรมานและรำคาญใจ ส่งผลทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างสุดแสนจะพรรณนา ผู้คนยอมจ่ายเงินจำนวนมากโดยไม่ขัดข้องเพียงเพื่อขจัดความเจ็บป่วยหรือแค่บรรเทาให้อาการทุเลาเบาบางลง ธุรกิจด้านนี้จึงมีมูลค่าไม่น้อย ทั้งยารักษาโรค อาหารเสริม เครื่องไม้เครื่องมือทั้งหลาย

หนึ่งในบรรดาอาการเจ็บป่วยที่มนุษย์ทุกคนต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือความปวดเมื่อยตามจุดต่างๆ ในร่างกาย ความปวดเมื่อยเหล่านี้นับวันจะเกิดขึ้นกับผู้เยาว์วัยมากขึ้น โดยไม่ต้องรอให้ถึงวัยชรา เนื่องมาจากการใช้ชีวิตที่เคลื่อนไหวน้อย การทำงานหนัก การจับเจ่าอยู่ในอิริยาบถเดิมซ้ำๆ นานๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง อย่างเช่นโรค “ออฟฟิศซินโดรม” ที่มักเกิดกับวัยรุ่นเรียนหนัก เล่นเกม หรือวัยทำงานที่ต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์นานเกินพอดี ความปวดเมื่อยที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ การหดเกร็งของกล้ามเนื้อด้วยโรคทำนองนี้สามารถหายขาดได้ และกลับมาเป็นใหม่ได้เสมอ การทานยาบางครั้งอาจจะไม่พอที่จะทำให้อาการปวดบรรเทาลง การนวดคลายจุดจึงเป็นอีกวิธีที่ให้ผลค่อนข้างดีในระยะสั้น แต่การจะไหว้วานคนในบ้านให้ช่วยนวดบางครั้งก็ไม่ได้อย่างใจ ไม่ถูกจุด การไปนวดที่ร้านหรือศูนย์กายภาพที่โรงพยาบาลก็อาจต้องไปนั่งรอคิวเป็นชั่วโมงๆ แถมบางร้านค่านวดแต่ละครั้งยังแพงลิบลิ่วอีกต่างหาก

เก้าอี้นวดไฟฟ้าจึงเป็นอีกทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยม ไม่ว่าจะเป็นแบบหยอดเหรียญตามห้างสรรพสินค้าหรือซื้อมาใช้ในครัวเรือน แม้จะเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูงแต่ระดับความน่าพอใจในการนวดนั้นก็ต้องบอกว่าดีเยี่ยมน่าพึงพอใจไม่แพ้ฝีมือมนุษย์ เก้าอี้นวดไฟฟ้าสมัยใหม่มีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้งานหลากหลายทั้งนวดกดจุด นวดเฉพาะจุด ทุบจากเบาไปหาหนัก นวดคลึงทั่วร่างกาย หรือแม้แต่นวดแบบปรับอุณหภูมิได้

และในขณะนี้เมื่อโลกก้าวมาถึงยุคสมัยแห่งปัญญาประดิษฐ์ผู้ผลิตก็ไม่รอช้า ล่าสุด Xioami แบรนด์ดังจากจีนจับมือกับ LeFan Health Technology เปิดตัวเก้าอี้นวดไฟฟ้าอัจฉริยะ “Xiaomi LeFan AI Massage Chair” มุ่งเน้นในการผ่อนคลายความปวดเมื่อยให้กับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนุ่ม-สาวชาวออฟฟิศ ที่มักมีอาการปวดเมื่อยบริเวณแผ่นหลัง อันเนื่องจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน โดยใช้เทคโนโลยี AI (Artificial intelligence) ผสานเทคนิคการนวดจากมือนวดระดับเซียนไว้ถึง 6 รูปแบบ เจ้า Xiaomi LeFan AI Massage Chair ถูกออกแบบมาอย่างดีในการรับส่วนโค้งส่วนเว้าของสรีระของมนุษย์ แถมผู้ผลิตยังการันตีว่าการออกแบบนี้มันเข้ากันได้กับสรีระของเราถึง 90% นอกจากนั้นเก้าอี้นวดอัจฉริยะยังมาพร้อมระบบนวด 3 มิติ เข้าถึงแนวโค้งของแผ่นหลัง กระชับพอดีกับร่างกาย ยัง…ยังไม่หมดแค่นั้น ขึ้นชื่อว่า AI มันต้องล้ำสมัยสิ แน่นอนมันสามารถควบคุมการทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน และนี่เลยตัวแจ๋ว ฟังก์ชั่นสั่งงานด้วยเสียงผ่านระบบ Xiaomi Mi Smart Speaker แต่ว่ามันยังรองรับเพียงแค่ภาษาจีนเท่านั้น เพราะงั้นคนไทยก็ต้องรอไปก่อน

เก้าอี้นวดไฟฟ้าของ Xiaomi LeFan AI Massage Chair เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 26 กรกฏาคม 2661 ราคา 3,899 หยวน หรือราว 19,200 บาท

 

ตัวอย่างประดิษฐกรรมฝีมือมนุษย์ที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล

โลกผ่านการวิวัฒนามาหลายยุคหลายสมัยด้วยสังคมมนุษย์ ตั้งแต่ยุคหิน ยุคเหล็ก ยุคสำริด เรื่อยมาจนยุคนี้ที่หลายคนเรียกว่ายุคดิจิตอล ถึงแม้จะมีวัยรุ่นบางจำพวกที่เปิดเพลงหมอลำเต้นเกลือกกลิ้งดินโคลน เหมือนยังอยู่ในยุคคนป่า แต่เชื่อเถอะว่าเรามาถึงยุคดิจิตอลแล้วจริงๆ เมื่อย้อนรอยถอยหลังดูแล้วโลกไม่ได้เปลี่ยนเพียงเพราะคนหรือสิ่งมีชีวิตจำพวกใดจำพวกหนึ่ง หากแต่โลกเปลี่ยนเพราะประดิษฐกรรมอันส่งผลให้การใช้ชีวิต สังคม และวัฒนธรรมของเราต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง เราจึงอยากแนะนำสุดยอด 3 ประดิษฐกรรมฝีมือมนุษย์ที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล

อันดับ 3 Iphone นับตั้งแต่ไอโฟนเปิดตัว โลกได้รู้จักกับโทรศัพท์ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์สื่อสาร มันสามารถทำให้ฟีเจอร์โฟนกลายเป็นเครื่องมือยุคหินใหม่ และทัชโฟนกลายเป็นของหลอกเด็กไปได้ในข้ามคืน ไอโฟนปฏิวัติทุกสิ่งที่เราเคยรู้ เปิดโลกทัศน์และสร้างเพดานที่สูงมากให้คู่แข่งทางการค้า หลังจากนั้นทั้งการใช้ชีวิต สังคมและวัฒนธรรมของมนุษย์เราก็ต่างจากก่อนหน้านั้นราวหน้ามือเป็นหลังมือ

อันดับ 2 LED หลอดแอลอีดีมีอยู่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มาหลายสิบปี ทว่ากลับไม่มีความสำคัญใดมากนักเนื่องจากมีเพียงสีแดง สีเขียว สีเหลือง และสีส้ม ทำให้ไม่ครบองค์ประกอบสี ไม่สามารถนำมาใช้งานที่ต้องการเฉดสีอันหลากหลาย จนเมื่อนักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีทำให้แอลอีดีเปล่งแสงสีน้ำเงินและสีขาวได้ในปีค.ศ. 1990 และ 1996 ตามลำดับ การค้นพบนี้ทำให้แอลอีดีครบองค์ประกอบสี ที่สำคัญคือมันไม่ต้องทำหน้าที่เพียงแค่เป็นป้ายไฟเชียร์นักร้องในการประกวด หรือตัววิ่งอักษรอีกต่อไป หลอดแอลอีดีมีคุณสมบัติที่ดีในเรื่องการนำความร้อนต่ำ ประหยัดไฟ อายุการใช้งานยาวนาน และเทคโนโลยีการผลิตที่ต้นทุนไม่สูงมากนัก จากนั้นเป็นต้นมาแอลอีดีก็เริ่มกลายเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอีกชิ้นหนึ่ง กลายเป็นพระเอกในวงการอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งเทคโนโลยีการผลิตจอภาพ จอโทรศัพท์มือถือ หลอดไฟ ด้วยราคาที่ไม่สูง ใช้พลังงานต่ำ ทำให้หลายๆ อย่างที่ก่อนหน้านี้เป็นได้แค่ความฝันกลายเป็นความจริงขึ้นมา ทั้งจอภาพติดรถยนต์ สกอร์บอร์ดแบบฉายภาพได้ในสนามกีฬา หลอดไฟที่ตกไม่แตก เป็นต้น ในปี 2016 พบว่าทั่วโลกมีการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED กว่า 50% แล้ว นั่นหมายความว่าเราสามารถลดการใช้พลังงานลงได้อย่างมหาศาล กระทบต่อธรรมชาติน้อยลง

อันดับ 1 ทรงกลม ประดิษฐกรรมเรียบง่ายทว่าสร้างคุณประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ รูปทรงกลมไม่ใช่รูปแบบที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นฝีมือมนุษย์สรรสร้างขึ้นมา รูปทรงกลมปฏิวัติทุกอย่างในสังคมมนุษย์ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน จากการเดินเท้าสู่การใช้รถเทียมเกวียน ล้อรถจักรยาน รถยนต์ จนถึงรถไฟ เป็นส่วนประกอบในกลไกหลายๆ อย่างของเครื่องจักรมหากาฬไปจนถึงสิ่งเล็กๆ อย่างหัวปากกาลูกลื่น มันอยู่ในงานออกแบบทั้งดำน้ำและลอยบนอากาศ รูปทรงกลมมีบทบาทมากมายรอบตัวเรา ทั้งที่เห็นชัดเจนและแอบซ่อนอยู่ในที่ลับตา รูปทรงกลมจึงเป็นสุดยอดประดิษฐกรรมของมนุษย์ตลอดกาลอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบได้

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ จริงๆ แล้วยังมีสิ่งประดิษฐ์ฝีมือมนุษย์อีกมากหลายที่สร้างประโยชน์ให้โลกโดยที่เราไม่ได้กล่าวถึง ณ ที่นี้ เรายกมาเพียงแค่สิ่งประดิษฐ์ที่มีอิทธิพลต่อยุคสมัยอย่างมาก แต่ทุกประดิษฐกรรมล้วนมีคุณค่าในแบบของมันและเราควรขอบคุณบุคคลที่คิดค้นสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาจนเป็นเราในทุกวันนี้

 

รู้ยัง?…วิธีทำบ้านให้ปังด้วยอุปกรณ์ไฮเทค

ทุกวันนี้นอกจากบ้านจะเป็นที่อยู่อาศัยแล้ว บ้านยังมีอรรถประโยชน์หลายอย่าง ทั้งเป็นสถานที่พบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ เป็นเครื่องบ่งบอกตัวตนและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ยิ่งบ้านสวย อยู่สบายแล้วล่ะก็เป็นแหล่งเติมพลังให้กับเจ้าของที่เหน็ดเหนื่อยจากภาระทั้งหมดทั้งสิ้นได้อย่างดีเชียวล่ะ เช่นนี้ความสุขของหลายคนจึงไม่ใช่การออกไปย่ำราตรี ทานอาหารหรูหรา หรือไปเที่ยวไกล ๆ แต่เป็นเพียงแค่การทอดกายลงบนเตียงนุ่ม ๆ หรือหย่อนใจตรงมุมใดมุมหนึ่งของบ้านเท่านั้นเอง

และเมื่อชีวิตผูกพันกับบ้านอย่างมากมาย เหล่าคนรักบ้านก็ไม่ควรปล่อยให้บ้านเสื่อมค่าไปตามกาลเวลา ควรเสริมออปชั่นเด็ดให้บ้านน่าอยู่และสะดวกสบายยิ่งขึ้น นอกจากการทุ่มเงินไปกับการเลือกเครื่องเรือนและของตกแต่งแล้ว การใช้อุปกรณ์ไฮเทคกับบ้านก็เป็นทางเลือกที่ทำให้บ้านปังไม่หยอกเลยล่ะ แถมอุปกรณ์ล้ำ ๆ บางอย่างยังราคาถูกกว่าของตกแต่งทั้งหลายเป็นเท่าตัวอีกต่างหาก ที่สำคัญสำหรับคนไม่รู้อุปกรณ์ไฮเทคมักจะดูว้าวและมีราคาเสมอ ยิ่งโลกพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องอุปกรณ์เหล่านี้ก็ยิ่งมีให้เลือกหลากหลาย สำคัญอีกอย่างคืออุปกรณ์ล้ำสมัยเกี่ยวกับบ้านมักจะสร้างขึ้นมาด้วยความใส่ใจ คำนึงถึงความปลอดภัย สะดวกสบายเป็นอันดับแรก ไม่แปลกที่ตอนนี้นักออกแบบชื่อดังไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลี หลาย ๆ ประเทศในยุโรป รวมทั้งอเมริกา พยายามเพิ่มอุปกรณ์นำสมัยให้มีส่วนร่วมในการใช้ชีวิตมากขึ้น และเรียกสไตล์เหล่านี้ว่าการตกแต่งบ้านแบบ Smart Home

การออกแบบสไตล์ Smart Home จะเน้นไปที่อุปกรณ์ไฮเทคไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ด้านไฟฟ้าอย่างโซล่าเซลล์ที่ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน อุปกรณ์ไลท์ติ้งทั้งหลายที่เพิ่มความหรูหรา ปรับแสงสีให้เหมาะกับอารมณ์และบรรยากาศ เพิ่มเสน่ห์ให้กับบ้าน กล้องวงจรปิดที่สามารถจดจำใบหน้า สแกนบุคคลน่าสงสัย แล้วส่งการแจ้งเตือนเข้ามือถือได้ เครื่องใช้ไฟฟ้าอุปกรณ์ประปาที่สามารถควบคุมระยะไกลด้วยระบบ wifi เครื่องกรองน้ำที่หน้าตาเหมือนอุปกรณ์ในหนังไซไฟอวกาศ เป็นต้น เครื่องมือเหล่านี้นอกจากจะสวยงามไม่ต่างจากอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแล้ว ยังให้ความสะดวกสบาย ประหยัด และปลอดภัย เช่น ถ้าเผลอไผลลืมเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเปิดก๊อกน้ำในบ้านทิ้งไว้ขณะที่ต้องจากบ้านไปเป็นอาทิตย์ แน่นอนเมื่อกลับมาต้องเจอบิลราคามหาโหดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แถมระหว่างนั้นยังต้องกังวลใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านบ้าง ทั้งเรื่องฟืนไฟ น้ำล้นเจิ่งนอง แต่เมื่อมีอุปกรณ์ที่ควบคุมระยะไกลได้เราก็แค่เปิดแอพพลิเคชั่นในมือถือแล้วปิดน้ำปิดไฟให้หมดเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ในฝั่งของเฟอร์นิเจอร์ยังมีการเสริมอุปกรณ์ล้ำยุคลงไปอย่างลงตัว มากมายด้วยไอเดีย และเป็นมิตรกับบ้านด้วยการใช้ทรัพยากรและพื้นที่น้อยลง ทั้งเตียงซ่อนผนังหรือเพดานที่ควบคุมด้วยรีโมท ราวตากผ้าอัจฉริยะที่สามารถยืดออกไปตากแดดและหุบเก็บเข้าในร่มได้เองเมื่อฝนตก เก้าอี้ โซฟาที่สามารถปรับความนุ่มนวลได้ เป็นต้น

เทคโนโลยีเหล่านี้ล้วนทำให้อยู่สบาย ทำให้บ้านมีมูลค่าไม่เสื่อมราคาไปตามเวลา แม้จะขายต่อก็ทำให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น ออปชั่นเหล่านี้ดึงดูดผู้ซื้อและเรียกราคาให้บ้านได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว

 

หมดปัญหาเรื่องการลุกจากที่นอนในตอนเช้า กับเทคโนโลยีที่ทำให้คุณไม่สามารถนอนต่อได้

หลังจากการทำงานที่เหนื่อยล้าในแต่ละวัน ทุกคนต้องการการพักผ่อนที่เพียงพอ เพื่อให้รู้สึกสดชื่นในตอนเช้าวันถัดไป วิธีที่ดีที่สุดในการพักผ่อนก็คือการนอน แต่บางคนก็ไม่สามารถที่จะนอนเร็วได้เนื่องจากยังต้องทำงาน ทำการบ้าน อ่านหนังสือหรืออีกมากมาย ซึ่งผลกระทบทำให้ต้องนอนดึกและนอนไม่พอ ที่เราจะสังเกตได้ง่าย ๆ เลยคือการตื่นสาย ทำให้ไปเรียนและไปทำงานไม่ทัน ต่อให้มีนาฬิกาปลุกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะตื่นได้ภายในครั้งแรกที่ได้ยินเสียงเตือน

แต่ยังมีทางออกให้กับสายหลับลึกทั้งหลาย ด้วยเทคโนโลยีการปลุกแบบใหม่ที่จะทำให้ไม่สามารถหลับต่อได้ ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบอุปกรณ์ ให้เราได้เลือกใช้ตามความชอบและความเหมาะสม

รู้จักกับเครื่องมือดับฝันหวานในตอนเช้าประเภทต่าง ๆ ถ้าทนได้ก็ทนไป

อุปกรณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการตื่นตามเวลา โดยการใช้หลักการทำให้ผู้ใช้อยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถนอนต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสียงให้รำคาญ หรือการสั่นในรูปแบบต่าง ๆ อุปกรณ์เหล่านี้เป็นตัวอย่างเครื่องมือที่ใช้ปลุกที่มีวิธีการปลุกที่น่าสนใจ

  • นาฬิกาปลุกหยุดได้ถ้าเล่นเกมผ่าน เป็นนาฬิกาปลุกที่มีรูปแบบการปลุกที่ธรรมดาเหมือนกับนาฬิกาปลุกทั่วไป แต่สิ่งที่พิเศษสำหรับนาฬิกาปลุกชนิดนี้คือ การที่จะปิดเพลงจากเครื่องได้นั้น ผู้ใช้ต้องเล่นเกมที่มากับนาฬิกาให้ผ่าน ลักษณะนาฬิกาจะเป็นเหมือนตู้คีบตุ๊กตาขนาดย่อม ที่มีเลขโชว์เวลาอยู่ด้านบน ซึ่งต้องทำการคีบตุ๊กตาที่อยู่ในตู้นาฬิกานี้ออกมาให้ได้ เพลงถึงจะหยุด เพราะฉะนั้นถ้าไม่ลุกขึ้นมาตั้งใจเล่นจนคีบได้ เพลงก็จะคอยกวนการนอนจนทนไม่ได้
  • แบบที่สองคือเตียงสั่น เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เชี่อมต่อกับโทรศัพท์และไว้ที่เตียง เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ เครื่องนี้จะส่งแรงสั่นไปทั้งเตียง และยังมีระบบที่ตรวจจับว่า ถ้าผู้ใช้ลุกจากเตียงไปแล้ว แต่กลับมานั่งมานอนใหม่ มันจะทำการสั่นอีกครั้ง จนกว่าจะมีการปิดระบบที่ถูกต้อง
  • เตียงดีด เป็นเตียงพิเศษที่สามารถตั้งเวลาได้ เมื่อถึงเวลาที่ตั้งไว้ เตียงจะทำการดีดตัวออกอย่างแรง เตียงจะตั้งขึ้นเกือบ 90 องศา เพื่อให้ผู้ใช้ตกจากเตียงจนตื่น ถือเป็นนวัฒกรรมที่เป็นที่สนใจกันในโลกโซเชียล จากคลิปไวรัลรีวิวสินค้าตัวนี้

ถึงแม้ว่าจะฟังดูเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ และดูมีประโยชน์สำหรับคนในยุคนี้ แต่บางสิ่งก็อาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ ยกตัวอย่างจากเตียงดีด การที่คนเราหลับสนิท แล้วถูกปลุกขึ้นอย่างกระทันหัน ทำให้จังหวะการเต้นของหัวใจผิดธรรมชาติไป นอกจากนี้ตัวเตียงสามารถเลือกระดับความแรงของการดีดได้ ซึ่งมีตั้งแต่ขั้นเบาสุดถึงแรงสุด ถ้าเครื่องทำงานผิดพลาดจนดีดแรงเกินไปขึ้นมา อาจจะทำให้ผู้ใช้ได้รับบาดเจ็บหรือข้าวของเสียหายได้ เพราะฉะนั้นถ้าคิดจะเลือกใช้งานให้เป็นประโยชน์จริง ๆ ความคำนึงถึงการใช้งานที่พอประมาณ และไม่ทำให้เราเสียสุขภาพ แต่หนทางที่ดีที่สุดคือก็หาเวลานอนให้เพียงพอ และตื่นเองตามธรรมชาติ นอกจากจะไปทำงานหรือเรียนทันเวลาแล้ว สุขภาพยังดีอีกด้วย

 

 วีลแชร์อัตโนมัติในรถ นวัตกรรมการเคลื่อนย้ายคนชราและคนพิการ

หลายคนที่มีคนชราหรือคนพิการที่ต้องดูแลที่บ้าน และอาจจะไม่สามารถดูแลตัวเองได้ หรือไปไหนมาไหนเองได้ เราก็อาจจะมีวีลแชร์ไว้ให้สามารถไปไหนมาไหนเองได้ในบริเวณบ้าน โดยปกติแล้วผู้ป่วยหรือคนชราส่วนใหญ่จะมีการพบแพทย์หรือตรวจอาการต่าง ๆ อยู่เสมอ ๆ ซึ่งปัญหาอยู่ตรงการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือคนชราไปโรงพยาบาล

ถ้าเป็นคนที่ยังมีแรงลุกเดินไหวก็อาจจะลุกจาก วีลแชร์และมานั่งที่รถได้ แต่ถ้าเป็นคนที่ไม่สามารถขยับตัวได้ หรือไม่มีแรงที่จะลุกเดินเองได้ ก็จำเป็นต้องมีคนมาอุ้มขึ้นรถ หรือเรียกรถพยาบาลมารับทุกครั้งที่ต้องไปโรงพยาบาล ซึ่งวิธีเหล่านี้ก็ค่อนข้างมีความเสี่ยงและข้อเสียอยู่ เช่นการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือคนชราด้วยการอุ้มเองนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากการอุ้มจำเป็นต้องใช้แรงและจับร่างกายของคนที่จะอุ้มไว้ ถ้าหากอุ้มผิดวิธีแล้ว ร่างกายของคนที่ถูกอุ้มอาจจะเกิดอาการช้ำ หรือบาดเจ็บได้ อีกทางหนึ่งก็คือวิธีการเรียกรถพยาบาลมาเคลื่อนย้าย ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงและวุ่นวายอยู่พอสมควร

ด้วยเหตุนี้ จึงมีนวัตกรรมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือคนชราได้อย่างถูกวิธีและปลอดภัย นั่นก็คือ วีลแชร์อัตโนมัติที่เชื่อมต่อกับรถ ซึ่งถูกดัดแปลงมาจากวีลแชร์ธรรมดา แต่มีกลไกลที่จะสามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้โดยที่ไม่ต้องออกแรง หรือเสี่ยงที่ทำให้ผู้ป่วยหรือคนชราบาดเจ็บ

 รู้จักกับเบาะวีลแชร์ในรถ ประโยชน์ที่คุ้มค่ากับผู้ป่วยและคนชรา     

                การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเป็นเรื่องสำคัญ อุปกรณ์ชิ้นนี้จึงเป็นตัวช่วยอย่างดีในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือคนชราที่ไม่สามารถเดินไปขึ้นรถ ลักษณะของวีลแชร์นี้จะเป็นเหมือนวีลแชร์ทั่วไป ทั้งรูปทรงและการควบคุม แต่จะต่างกันตรงนี้มันสามารถที่จะเชื่อต่อกับอุปกรณ์เฉพาะที่ถูกติดตั้งไว้ในรถ เป็นลักษณะคล้าย ๆ เครน ที่ไว้ใช้ยกตัวรถเข็นวีลแชร์ ซึ่งเครนนี้จะมีไว้ใช้ต่อกับช่องต่อด้านหลังรถวีลแชร์ หลักการคร่าว ๆ คือให้ผู้ป่วยควบคุมวีลแชร์มาที่รถ จากนั้นให้เครนเข้ามาประกอบกับส่วนหลังของวีลแชร์ จากนั้นเครนจะยกวีลแชร์ขึ้น และนำเข้าไปในรถได้เลยโดยที่ผู้ป่วยหรือคนชราไม่จำเป็นต้องลุกออกจากที่นั่งเลย

การเคลื่อนย้ายโดยใช้วีลแชร์อัตโนมัตินี้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยหรือคนชราได้อย่างถูกวิธีกว่าวิธีการอุ้มเอง แต่ข้อเสียที่ตามมาคือรถที่ใช้งานนั้น คือจำเป็นที่จะต้องเอาเบาะที่มาจากตั้งแต่แรกออก เพื่อทำการติดตั้งระบบ และเครนยก และเผื่อพื้นที่ไว้ให้วีลแชร์สามารถเข้ามาไว้แทนที่ได้ อาจจะมีปัญหาเรื่องความสวยงามของรถสักหน่อยถ้าหากเอาเบาะที่มากับรถออกไป แต่สำหรับคนที่ตั้งใจจะไว้ใช้งานจริง ๆ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่รับรองถึงประโยชน์และความปลอดภัยในการเคลื่อนย้ายอย่างแน่นอน

 

เรื่องเหนือธรรมชาติที่ใคร ๆ ก็ทำได้ CG Visual Effect ระดับโลกในมือเรา

หลายคนที่เป็นคอหนังแอคชั่น หรือหนังเหนือธรรมชาติต่าง ๆ คงจะตื่นตาตื่นใจกับความยิ่งใหญ่ของฉากบู้ล้างผลาญที่ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้ ทุกอย่างที่ปรากฏในหนังคือการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกเข้าช่วย เพื่อรังสรรค์ผลงานที่เกินขีดจำกัดของความเป็นจริงได้ ทุกคนอาจจะคุ้นหูกันกับ CG Visual Effect ที่ถูกใช้กันในวงการหนังและละครมากมายทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่ากว่าจะสามารถทำ CG ให้ออกมาดีเหมือนที่เราดูกันนั้นใช้เวลาเป็นอย่างมาก และจำเป็นต้องมีความรู้ในด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเป็นอย่างสูงถึงจะสามารถทำได้

ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลตัวมากสำหรับพวกเรา แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีคลิปไวรัลสั้น ๆ จากชาวต่างชาติคนหนึ่งที่ออกมาแสดงมายากลสุดน่าทึ่งให้ทุกคนบนโลกอินเตอร์เน็คได้ดูกัน ไม่ว่าจะเป็นการเอาของจากในจอคอมพิวเตอร์ออกมาเป็นของจริง การเสกสิ่งของที่มีอยู่ให้เข้าไปอยู่ในหน้าจอ และสิ่งมหศจรรย์มากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่มาจากการที่เขาใช้ CG ในการตัดต่อทั้งนั้น นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บอกได้ว่าการทำ CG ในยุคนี้มันไม่ได้ยากอีกต่อไป ใคร ๆ ก็ทำได้ถ้าคิดจะทำ ไม่จำเป็นต้องมีคอมพิวเตอร์ที่ราคาแพง ๆ หรือต้องใช้จำนวนคนทำมากมาย

ในตอนนี้มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์มากมายที่สามารถทำ CG เหมือนในหนังฮอลลีวูดได้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงคลิปการสอนตัดต่อมากมายในโลกของอินเตอร์ให้ได้เข้าไปศึกษากัน เรียกได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องไกลตัวเราอีกต่อไป

CG กับการสร้างรายได้ง่าย ๆ ในช่องทางออนไลน์

                นับเป็นยุคทองของโซเชียลมีเดียเลยก็ว่าได้ ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา โลกออนไลน์ได้โตขึ้นอย่างรวดเร็วและมีการหารายได้จากโลกออนไลน์หลายรูปแบบ หนึ่งในหนังคือ Content Creator หรือคนทำ content ลงในสื่อออนไลน์นั่นเอง ซึ่งก็ถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทด้วยกัน แต่หนึ่งประเภทที่มาแรงแซงทางโค้งโดยการันตรีจากยอด Subscribe ที่ถึงล้านได้ภายในปีนิด ๆ นั่นก็คือ CG Content หรือการทำ CG ลงช่องทางของตัวเอง เราจะสามารถเห็นตัวอย่างได้มากมาย ที่เราคุ้นเคยกันก็ Facebook YouTube คนเหล่านี้ศึกษาและเรียนรู้การทำ CG ด้วยตัวเอง และลดขนาดของ CG ลงให้สามารถอยู่อยู่ในคลิปวีดีโอในโซเชียลมีเดียได้โดยที่ยังมีความอลังการพอ ๆ กับวงการหนัง แต่นำมันเข้ามารวมกับ Content แบบธรรมดา ๆ ทำให้กลายเป็นที่น่าสนใจสำหรับชาวโซเชียลทั้งหลาย และสามารถสร้างรายได้จากตรงนี้ได้เป็นอย่างดี และมีแนวโน้มว่าจะโตและสามารถสร้างกำไรอีกมากมายในอนาคต

สำหรับใครที่สนใจเรื่อง CG หรือการทำ Visual Effect อย่าไปคิดว่ามันยุ่งยากเกิน หรือจำเป็นต้องใช้ทุนที่สูง เพราะในยุคนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งเรียนรู้อีกมากมายให้ได้ลองฝึกลองทำกัน ย้ำว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะลงมือทำหรือไม่

 

ประหยัดแรงและเวลาในการเก็บลูกเทนนิส Tennibot หุ่นยนต์เก็บลูกประจำสนาม

                นักเทนนิสหลายคนปัญหาเล็ก ๆ ในเวลาฝึก เนื่องจากเวลานักเทนนิสจะทำการซ้อม ไม่ว่าจะเป็นซ้อมเสิร์ฟ หรือการตีแบบปกติ แน่นอนว่าจำเป็นต้องใช้ลูกเทนนิสจำนวนมาก ปัญหาที่ตามมาก็คือลูกที่ใช้ซ้อมถูกตีออกไปจนหมด และต้องมานั่งเสียเวลาเก็บลูกเป็นร้อย ๆ ลูกใส่ตะกร้า รวมไปถึงทำให้เครื่องเย็นและปวดหลังได้อีกด้วย จึงมีสิ่งประดิษฐ์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในการแก้ปัญหานี้ นั่นคือเครื่องเก็บลูกเทนนิสที่มีลักษณะเป็นปล่องใหญ่ ๆ ที่จะมีแรงลมดูดลูกเทนนิสเข้าไปแบบอัตโนมัติ แต่ก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้แรงคนในการถือปล่องนี้ไปดูดทีละลูกอยู่ดี ซึ่งก็แก้ปัญหาได้ไม่ตรงจุดนัก

แต่ ณ ตอนนี้มีสิ่งประดิษฐ์ชิ้นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงกว่าเดิมในการจัดการกับการเก็บลูกนั่นคือหุ่นยนต์ Tennibot หรือหุ่นยนต์เก็บลูกเทนนิสอัตโนมัติซึ่งแตกต่างกับปล่องเก็บลูกอย่างสิ้นเชิง สำหรับทั้งคนที่ไม่อยากเก็บลูกเอง หรือไม่อยากจ้างเด็กเก็บบอลมาเพื่อเก็บแค่ในการซ้อมหรือการตีเล่น ๆ Tennibot ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้

คุณสมบัติสุดได้เปรียบ จะคนเก็บหรือเครื่องเก็บลูกแบบเก่าก็สู้ไม่ได้

ลักษณะภายนอกคร่าว ๆ ของหุ่น Tennibot คือเป็นเหมือนเครื่องดูดฝุ่นอัตโนมัติ แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า และมีตะกร้าเก็บลูกอยู่ด้านหลังเครื่อง ซึ่งการทำงานคือใช้กล้องด้านหน้าเป็นเหมือนคล้าย ๆ เซนเซอร์ในการจับหาลูกบอลตรงบริเวณนั้น

เพื่อที่จะดูดเข้าไปในเครื่องและเก็บไว้บนตะกร้าได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่ง Tennibot สามารถที่จะชาร์จแบตครั้งเดียวแล้วใช้งานได้ 3 ถึง 4 ชั่วโมง ใช้เวเลาเก็บไม่นาน จริงอยู่ที่ขนาดใหญ่กว่าหุ่นยนต์เครื่องดูดฝุ่น แต่ก็ยังสามารถแพ็คเก็บ และเคลื่อนย้ายได้สะดวก นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถที่จะควบคุมตัวหุ่นได้จากระยะไกล และยังสามารถนับจำนวนลูกที่เก็บได้แบบ Real-time อีกด้วย

ถ้าวัดกันข้อต่อข้อแล้วถือเป็นหุ่นยนต์ที่มีคุณภาพดีกว่าเครื่องเก็บลูกเทนนิสทรงปล่องทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นจำนวนในการเก็บ ลักษณะการทำงานที่ต้องใช้คนเลยแม้แต่คนเดียว ระบบประมวลผลต่าง ๆ และขนาดของอุปกรณ์ ถือว่าใช้งานได้ง่ายกว่าและเร็วรวดกว่าหลายเท่า

เทคโนโลยีเหนือระดับ Application Tennibot  

                แน่นอนว่าอะไร ๆ เดี๋ยวนี้อะไร ๆ ก็เป็นอินเตอร์เน็ต และทุก ๆ คนก็ใช้สมาร์ทโฟนกัน แม้แต่เด็กเล็ก ๆ หรือแม่ค้าขายของก็มีใช้กันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการที่มีสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ แล้วสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้นั้น ถือเป็นเรื่องที่ได้เปรียบมากในการตลาดยุคนี้

ซึ่ง Tennibot เห็นถึงจุดนี้เช่นกัน เพราะTennibot มีการใช้ Application sync เข้ากับตัวหุ่นยนต์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถควบคุมมันได้ตามใจต้องการผ่านสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นการออกคำสั่งให้ไปเก็บบอลบริเวณไหนของสนาม การนับจำนวนลูกที่เก็บได้ ซึ่งผู้ใช้สามารถใส่ได้ตามกำหนด เพื่อเป็นการเช็คจำนวนลูกว่ามีครบหรือหายไปที่ไหนบ้างหรือเปล่า ทั้งหมดถูกควบคุมผ่าน Application ที่มากับตัวเครื่องได้ทั้งหมด เพิ่มความสะดวกสบายและทันสมัยให้กับนักกีฬาเทนนิสได้อย่างมีระดับ

 

นวัตกรรมจอเสริมโน๊ตบุ๊คเคลื่อนที่ ไม่ต้องแบกจอใหญ่อีกต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นการพรีเซ้นงาน เล่นเกม หรือดูหนังในโน๊ตบุ๊ค หลายคนต้องการที่จะมีจอเพิ่มเข้ามาอีกสัก 2 จอ เพื่อจะสามารถใช้งานที่ละหลาย ๆ หน้าจอได้ เหมือนได้ดูหนังหลาย ๆ จอ หรือเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม แต่เราสามารถทำแบบนี้ได้ที่บ้านเท่านั้น เนื่องจากถึงคอมที่เราใช้จะเป็นโน๊ตบุ๊ค แต่จอที่เราต่อเสริมนั้นเป็นจอคอม หรือทีวี ซึ่งไม่สะดวกสบายในการเคลื่อนย้ายเลย เพราะมีขนาดและฐานที่ใหญ่ และมีน้ำหนักมาก ซึ่งมันจะดีกว่าและสะดวกสบายกว่ายิ่งขึ้น ถ้าเราสามารถยกจอที่เราต่อเสริมไปไหนมาไหนกับเราได้ และในตอนนี้มีการคิดค้นอุปกรณ์ที่สามารถพกจอแบบเคลื่อนที่ได้ติดไปกับตัวเครื่องคอม โดยที่ไม่มีฐานและน้ำหนักมากเกินไป และเป็นที่น่าสนใจมากนโลกของอินเตอร์เน็ต

มีคลิปไวรัลคลิปหนึ่งที่ออกมาเกี่ยวกับการใช้จอเสริมแบบนี้ ซึ่งลักษณะจะเป็นตัวเก็บจอแสดงผลทรงสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากับหน้าจอโน๊ตบุ๊คของเรา แต่ด้านในจะเป็นช่องไว้เก็บหน้าจอได้ 2 จอ ซึ่งจะมีสาย USB มาให้ต่อกับเครื่องเพื่อให้จอแสดงผลได้ ถือได้ว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับหลาย ๆ คน

ช่วยเพิ่มการตัดสินใจ สเปคและรายละเอียดที่ควรรู้ของอุปกรณ์ต่อจอเสริม

                อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต่อแยกมาจากตัวโน๊ตบุ๊ค โดยผู้ใช้สามารถดึงจอออกมาสองจอทั้งซ้ายและขวา หลังจากนั้นเสียบสาย USB หน้าจอก็จะแสดงผลและเริ่มใช้งานได้ ซึ่งถ้าพูดถึงสเปคหรือความคำชัดของจอ ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่งสำหรับจอเสริมของโน๊ตบุ๊ค เริ่มจากขนาดหน้าจอ อย่างทราบกันไปแล้วว่าตัวอุปกรณ์เสริมนี้จะมีหน้าจอเท่ากับเครื่องของผู้ใช้งาน เพราะฉะนั้นจึงมี 3 ไซส์ให้เลือกใช้ คือ 13 15 และ 17 นิ้ว หรือถ้าแปลงเป็นเซนติเมตรก็จะได้เป็น 33 38 และ 43 เซนติเมตร แล้วแต่ขนาดจอของผู้ใช้งาน ต่อมาคือความคมชัดของภาพ อยู่ในระดับ Full HD ที่มี resolution เป็น 1920X1080 จอเป็น LED ซึ่งสามารถใช้รันกับ USB พอร์ท 3.0 หรือ USB พอร์ท  2.0 ก็ได้ นอกจากนี้ลักษณะการขยับจอ ผู้ใช้งานหมดจอได้แบบ 180 องศา รอบทิศทางในเวลาที่ต้องการจะแชร์จอให้กับคนอื่น ๆ ดูด้วย

อุปกรณ์นี้เป็นประโยชน์ต่อการประชุมต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องมีการแสดงจอให้กับคนอื่น ๆ ดู และเรื่องการเคลื่อนย้ายต่าง ๆ แต่ราคาก็ค่อนข้างที่จะอยู่ประมาณกลางถึงสูง สนนราคาประมาณ 416 เหรียญสหรัฐ แปลงเป็นเงินไทยประมาณ 14,000 กว่าบาท ถ้ามองอีกมุมหนึ่งเราสามารถที่จะซื้อคอมเครื่องใหม่ได้เลย แต่ในทางกลับกัน สำหรับคนที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ราคา 14,000 ที่แลกกับสองเสริมถึงสองจอ และการเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ได้น่าจะคุ้มค่ากว่าการซื้อจอคอมจริง ๆ สองจอที่มีขนาดเท่ากับโน๊ตบุ๊คหรือใหญ่กว่า ขึ้นอยู่กับการพิจาราณาและความเหมาะสมของแต่ละคน

 

เทคโนโลยีล้ำยุคที่กลายเป็นจริง ไมโครชิพสามารถใช้กับคนได้แล้ว

เราอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วเกี่ยวกับไมโครชิพ ชิพขนาดเล็กสารพัดประโยชน์ที่ถูกนำมาใช้กันในหลายรูปแบบ และมีหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ติดตามผล แสกน หรือตรวจจับสิ่งต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อโลกเราในยุคนี้มาก แต่ใครจะคิดว่าวันนึงไมโครชิพจะถูกพัฒนาขึ้นมา จนกระทั่งสามารถนำมาใช้กับสิ่งมีชีวิตได้

เมื่อหลายปีที่ผ่านมา มีการรายงานข่าวเรื่องของการนำไมโครชิพไปไว้ในตัวของสุนัข เพื่อใช้ในการระบุตัวตนของสุนัข รวมไปถึงมตามหาเจ้าของได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ในไมโครชิพจะมีข้อมูลของชื่อเจ้าของ รายละเอียดข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ และ GPS เพื่อใช้ติดตามตัวของสุนัข ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หน้าจับตามองมากในช่วงนั้น แต่ก็มีเสียงวิพากย์วิจารณ์มากมายทั้งในด้านบวกและลบจากคนทั่วไปและคนรักสัตว์ เนื่องจากมีการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายของสัตว์ อาจจะสามารถเกิดผลข้างเคียงในการใช้งานก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ก็มีเรื่องให้ตกใจกันอย่างมากเกิดขึ้น เมื่อทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรับรองและอนุญาตให้สามารถฝังไมโครชิพไว้ในร่างกายของคนจริง ๆ ได้ ถือเป็นประเด็นที่หลายคนกำลังกังวลและไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

ฝังไมโครชิพเพื่ออะไร และชีวิตจะดีขึ้นจริงหรือไม่

จุดเริ่มต้นของการฝังไมโครชิพในคน จริง ๆ เริ่มจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

เพื่อที่จะใช้ในทางการแพทย์ ทำให้ทางแพทย์สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธืภาพมากขึ้น ไมโครชิพจะมีขนาดเล็ก เปรียบได้เหมือนกับเม็ดข้าวเม็ดหนึ่ง ที่มีวงจรและระบบการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งจากประเด็นนี้ ทำให้มีคนนำไมโครชิพไปพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้กันในวงกว้างได้ง่ายขึ้น โดยการทำให้มันกลายเป็น GPS ไปจนถึงเทคโนโลยีล้ำยุค เช่น การใช้ชำระเงิน หรือการแสกนต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้บัตรหรือวัสดุอะไรอีกต่อไป ใช้แค่ไมโครชิพในร่างกายเป็นตัวเก็บข้อมูล และสามารถใช้แสกนเพื่อทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย รวมไปถึงการตามหาตำแหน่งที่อยู่ได้ตลอดเวลาจาก GPS ในไมโครชิพ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นอย่างดีที่จะมีการในเทคโนโลยีไปใส่ไว้ในตัวของมนุษย์

คาดการอนาคตของไมโครชิพในตัวมนุษย์ ควรจะมีจริง ๆ หรือไม่

แน่นอนว่ามนุษย์ไม่หยุดพัฒนา เหตุการณ์นี้ก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นให้มนุษย์ทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในบางครั้งอาจจะมีคำถามจากคนบางกลุ่มเกิดขึ้นมาว่ามันสมควรแล้วจริง ๆ หรือ หลายคนมองว่าเป็นเรื่องสะดวกสบายที่จะไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรให้ยุ่งยากวุ่นวาย ตัวของเราถูกเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่าง ๆ จะไม่มีปัญหาการลืมของ ลืมบัตร แล้วไม่สามารถใช้แสกนอะไรอีกต่อไป ถือเป็นการยกระดับชีวิตให้สมาร์ทขึ้นได้อย่างเห็นผลจริง แต่ในอีกมุมมองหนึ่งในฝั่งของมนุษยชน ร่างกายคนเราสมควรแล้วหรอที่จะนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ถึงแม้ว่าจะมีเหตุผล แต่มันคุ้มค่าหรือไม่ถ้าเกิดปัญหาในอนาคต ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร มีความเสี่ยงมากขนาดไหน เป็นสองความคิดที่ยังจบกันไม่ลง คงจะต้องติดตามข่าวสารและข้อสรุปกันต่อไปในอนาคต