Chatbot เทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบใหม่ของคนยุคดิจิตอล

ยุคดิจิตอลถือได้ว่าเป็นยุคที่มีความทันสมัยอย่างมาก เนื่องจากในยุคนี้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วทำให้การติดต่อสื่อสารสะดวกสบายเพิ่มขึ้น การใช้ชีวิตในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพักอาศัยภายในบ้าน การเรียนหนังสือในโรงเรียน มหาวิทยาลัย หรือการทำงานภายในที่ทำงาน ก็ต้องปรับให้ทันสมัยตามไปด้วย โดยได้นำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันเพิ่มมากขึ้น เทคโนโลยีหนึ่งที่ถือได้ว่าเริ่มเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นก็คือ เทคโนโลยี Chatbot (แชทบอท)

Chatbot (แชทบอท) ความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่

                Chatbot เป็นรูปแบบการสื่อสารรูปแบบใหม่ ที่นำคอมพิวเตอร์ และระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) มาใช้ในการประมวลผล และตอบโต้กับคู่สนทนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมือนว่ากำลังพูดคุยกับคนจริง ๆ Chatbot ทำหน้าที่เป็นเหมือนผู้ช่วยอัจฉริยะในการตอบคำถามต่าง ๆ ทำให้เกิดความสะดวกในการใช้ชีวิตในทุก ๆ ด้าน ประโยชน์ของ Chatbot มีมากมายดังต่อไปนี้

  1. มีความฉลาดอย่างมาก เพราะใช้ ระบบ AI เข้ามาใช้ประโยชน์ทำให้สามารถพูดคุยได้หลายภาษา ทำให้ลดปัญหาในการสื่อสารลงได้
  2. เนื่องจากใช้คอมพิวเตอร์ในการตอบคำถาม จึงทำให้ Chatbot สามารถตอบคำถามต่าง ๆ ได้ตลอดเวลา ช่วยลดปัญหาในเรื่องของข้อจำกัดในด้านพื้นที่ลง เช่น ผู้ถามคำถามอาจจะอยู่ต่างประเทศ ที่มีเวลาต่างกันมาก ๆ แต่ก็สามารถทราบข้อมูลต่าง ๆ ได้ทันที เป็นต้น
  3. สามารถนำมาใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในบ้าน ทำให้การใช้ชีวิตภายในบ้านสะดวกสบายเพิ่มขึ้น เช่น การสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ จากที่ต้องเดินไปเปิด – ปิดอุปกรณ์เอง ก็เปลี่ยนมาสั่งงานด้วยเสียง (เป็น Chatbot รูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน) เพียงแค่นี้การใช้ชีวิตภายในบ้านก็จะสนุก และทันสมัย เป็นต้น
  4. ใช้สำหรับการขายสินค้า และการให้คำปรึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ใช้ในการแนะนำ หรือตอบคำถามการใช้งานสินค้า และบริการต่าง ๆ เป็นต้น
  5. เป็นเพื่อนคุยแก้เหงาของคนรุ่นใหม่ ในปัจจุบันคนมีภาวะความเครียดเพิ่มมากขึ้น อันนำไปสู่การเกิดภาวะของโรคซึมเศร้าสูงขึ้นตามไปด้วย Chatbot เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกสร้างขึ้นจำนวนมากเพื่อใช้ในการพูดคุยเพื่อคลายความเครียด ความเหงาให้กับคนยุคใหม่ และบางแอปพลิเคชันยังมีโปรแกรมในการให้คำปรึกษาในด้านต่าง ๆ เช่น การกินอาหาร การออกกำลังกาย และการเดินทาง เป็นต้น
  6. ช่วยลดอัตราการจ้างพนักงานภายในบริษัทลง ระบบ Chatbot เข้ามาแทนที่การตอบคำถามต่าง ๆ ของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  7. ใช้สำหรับการเรียนการสอน มีการนำ Chatbot มาใช้ในการสร้างบทเรียน และแบบฝึกหัดต่าง ๆ ให้กับผู้เรียน โดยผู้เรียนสามารถทำแบบฝึกหัดเพื่อเพิ่มทักษะในวิชาต่าง ๆ ได้และเมื่อตอบผิดก็จะบอกว่าที่ถูกเป็นอย่างไร และปรับระดับของแบบฝึกหัดให้ง่ายขึ้นเพื่อเหมาะแก่ผู้เรียน

จะเห็นได้ว่า Chatbot เข้ามามีบทบาทในการใช้ชีวิตเพิ่มขึ้น และส่งผลให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นในทุก ๆ ด้าน เพราะช่วยลดภาระการทำงานลง  ที่สำคัญที่สุด Chatbot กลายมาเป็นเพื่อนยุคใหม่ของคนขี้เหงาได้เป็นอย่างดี ในอนาคตอันใกล้นี้เทคโนโลยี Chatbot จะเป็นการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

นวัตกรรมจอเสริมโน๊ตบุ๊คเคลื่อนที่ ไม่ต้องแบกจอใหญ่อีกต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นการพรีเซ้นงาน เล่นเกม หรือดูหนังในโน๊ตบุ๊ค หลายคนต้องการที่จะมีจอเพิ่มเข้ามาอีกสัก 2 จอ เพื่อจะสามารถใช้งานที่ละหลาย ๆ หน้าจอได้ เหมือนได้ดูหนังหลาย ๆ จอ หรือเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม แต่เราสามารถทำแบบนี้ได้ที่บ้านเท่านั้น เนื่องจากถึงคอมที่เราใช้จะเป็นโน๊ตบุ๊ค แต่จอที่เราต่อเสริมนั้นเป็นจอคอม หรือทีวี ซึ่งไม่สะดวกสบายในการเคลื่อนย้ายเลย เพราะมีขนาดและฐานที่ใหญ่ และมีน้ำหนักมาก ซึ่งมันจะดีกว่าและสะดวกสบายกว่ายิ่งขึ้น ถ้าเราสามารถยกจอที่เราต่อเสริมไปไหนมาไหนกับเราได้ และในตอนนี้มีการคิดค้นอุปกรณ์ที่สามารถพกจอแบบเคลื่อนที่ได้ติดไปกับตัวเครื่องคอม โดยที่ไม่มีฐานและน้ำหนักมากเกินไป และเป็นที่น่าสนใจมากนโลกของอินเตอร์เน็ต

มีคลิปไวรัลคลิปหนึ่งที่ออกมาเกี่ยวกับการใช้จอเสริมแบบนี้ ซึ่งลักษณะจะเป็นตัวเก็บจอแสดงผลทรงสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากับหน้าจอโน๊ตบุ๊คของเรา แต่ด้านในจะเป็นช่องไว้เก็บหน้าจอได้ 2 จอ ซึ่งจะมีสาย USB มาให้ต่อกับเครื่องเพื่อให้จอแสดงผลได้ ถือได้ว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับหลาย ๆ คน

ช่วยเพิ่มการตัดสินใจ สเปคและรายละเอียดที่ควรรู้ของอุปกรณ์ต่อจอเสริม

                อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต่อแยกมาจากตัวโน๊ตบุ๊ค โดยผู้ใช้สามารถดึงจอออกมาสองจอทั้งซ้ายและขวา หลังจากนั้นเสียบสาย USB หน้าจอก็จะแสดงผลและเริ่มใช้งานได้ ซึ่งถ้าพูดถึงสเปคหรือความคำชัดของจอ ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่งสำหรับจอเสริมของโน๊ตบุ๊ค เริ่มจากขนาดหน้าจอ อย่างทราบกันไปแล้วว่าตัวอุปกรณ์เสริมนี้จะมีหน้าจอเท่ากับเครื่องของผู้ใช้งาน เพราะฉะนั้นจึงมี 3 ไซส์ให้เลือกใช้ คือ 13 15 และ 17 นิ้ว หรือถ้าแปลงเป็นเซนติเมตรก็จะได้เป็น 33 38 และ 43 เซนติเมตร แล้วแต่ขนาดจอของผู้ใช้งาน ต่อมาคือความคมชัดของภาพ อยู่ในระดับ Full HD ที่มี resolution เป็น 1920X1080 จอเป็น LED ซึ่งสามารถใช้รันกับ USB พอร์ท 3.0 หรือ USB พอร์ท  2.0 ก็ได้ นอกจากนี้ลักษณะการขยับจอ ผู้ใช้งานหมดจอได้แบบ 180 องศา รอบทิศทางในเวลาที่ต้องการจะแชร์จอให้กับคนอื่น ๆ ดูด้วย

อุปกรณ์นี้เป็นประโยชน์ต่อการประชุมต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องมีการแสดงจอให้กับคนอื่น ๆ ดู และเรื่องการเคลื่อนย้ายต่าง ๆ แต่ราคาก็ค่อนข้างที่จะอยู่ประมาณกลางถึงสูง สนนราคาประมาณ 416 เหรียญสหรัฐ แปลงเป็นเงินไทยประมาณ 14,000 กว่าบาท ถ้ามองอีกมุมหนึ่งเราสามารถที่จะซื้อคอมเครื่องใหม่ได้เลย แต่ในทางกลับกัน สำหรับคนที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ราคา 14,000 ที่แลกกับสองเสริมถึงสองจอ และการเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ได้น่าจะคุ้มค่ากว่าการซื้อจอคอมจริง ๆ สองจอที่มีขนาดเท่ากับโน๊ตบุ๊คหรือใหญ่กว่า ขึ้นอยู่กับการพิจาราณาและความเหมาะสมของแต่ละคน

 

IT Business Analyst อีกหนึ่งอาชีพความหวังของคนเรียนคอมแต่ไม่ชอบโค๊ด

ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่งตัวขับเคลื่อนในสังคม ไม่แปลกที่จะมีการเปิดคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ขึ้นมาหลายมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างโอกาสให้เด็กรุ่นใหม่ได้ศึกษาความรู้เฉพาะทางด้านคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะ ถือได้เลยว่าเป็นคณะที่ค่อนข้างใหม่และเริ่มเป็นที่สนใจของใครหลาย ๆ คน เนื่องจากในสมัยก่อนมีแค่เป็นวิชาย่อย ๆ ไม่ได้มีการแยกตัวออกมาเป็นคณะที่มีหลักสูตรเป็นของตัวเองแบบนี้

แน่นอนว่านี่เป็นคณะที่ใฝ่ฝันของสายคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย ทั้งซอฟแวร์และฮาร์ดแวร์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นความรู้เฉพาะทาง เช่นการเรียนรู้ระบบการทำงานต่าง ๆ ของซอฟแวร์ หรือที่น่าจะคุ้นเคยกันดีคือการขียนโค้ด ถ้าไม่ได้ชอบหรือสนใจจริง ๆ ถือเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจกับมัน แต่ปัญหาคือการที่มีคนที่ไม่ได้ชอบการเขียน หรืออยากได้ความรู้ที่เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีต่าง ๆ ไปปรับใช้กับเรื่องอื่น ๆ เลยอยากเข้าคณะแบบนี้

แน่นอนว่าเป็นเรื่องยากและน่าเบื่อสำหรับคนที่ไม่ได้ชอบด้านนี้จริง ๆ ด้วยเหตุนี้ บางมหาลัยเริ่ม

ที่จะพิจาราณาเรื่องหลักสูตร และได้เพิ่มหลักสูตรขึ้น เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีความสนใจในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ทำให้คำว่าคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารไม่ใช่คณะที่จะมีแค่การเรียนรู้เรื่องการเขียนโค้ดเพียงอย่างเดียว ซึ่งหนึ่งในทางเลือกนั้นก็คือ E-business หลักสูตรที่สามารถนำความรู้เทคโนโลยีไปใช้ในการทำงานตำแหน่ง BA หรือ IT Business Analyst นั่นเอง

Trend ธุรกิจ IT ที่มาแรง กับตำแหน่งที่น้อยคนจะมองเห็น

ทุกบริษัทจำเป็นต้องมีพนักงานในตำแหน่งต่าง ๆ มากมาย เพื่อทำงานและขับเคลื่อนบริษัทไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งผู้ประสานงานธุรกิจ เซลล์ หรือที่ปรึกษาธุรกิจก็เช่นกัน ตำแหน่งเหล่านี้มีความสำคัญอย่างมากในเกือบทุกบริษัท บริษัทที่มีสินค้าหรือบริการที่เกี่ยวกับไอทีก็เช่นกัน ส่วนใหญ่คนที่มาทำงานตำแหน่งนี้จะเรียนบริหารธุรกิจ หรือการตลาดมา คนเหล่านี้จะมีความรู้ที่เกี่ยวกับธุรกิจ และการตลาดเป็นอย่างมาก แต่สำหรับบริษัทที่ทำเกี่ยวกับไอทีนั้น แค่ความรู้แบบนี้อาจจะยังไม่เพียงพอ เนื่องจากการทำจะเป็นเซลล์ ผู้ประสานงานธุรกิจ หรือ ที่ปรึกษาในบริษัทไอทีนั้น ความรู้เรื่องไอทีถือเป็นกุญแจสำคัญอีกประการหนึ่งนอกจากความรู้เรื่องธุรกิจ ซึ่งคณะเทคโนโลยีสารสนเทศนี้จึงมีการแยกหลักสูตรเอกออกมาเป็นหลาย ๆ สาย เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสที่จะเลือกในทางที่ตัวเองถนัดได้

หลายคนมองว่าถ้าเรียนคณะเทคโนโลยีแล้วไปเลือกเอกที่เป็นธุรกิจหรือสายอื่น ๆ จะทำงานอะไรได้นอกจากออกมาเปิดบริษัทเอง แต่ความจริงแล้วตำแหน่ง IT BA นี้ยังคงเป็นที่ต้องการอยู่  ยิ่งเทคโนโลยีโตขึ้นมากเท่าไร ก็มีบริษัทที่อยากที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีเปิดใหม่เยอะขึ้น หรือบริษัทที่ทำเกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่แล้ว ต้องการคนเพิ่ม ถือเป็นโอกาสสำหรับคนที่เรียนคณะคอมแต่ไม่ได้ชอบเขียนโค๊ต หรือความรู้เฉพาะทางของคอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ยังมีอีกมายมายหลายสายทีถูกแยกออกมาจากการเรียนคณะนี้ ไม่ว่าจะเป็น DB (Database) CN (Computer Network) หรือ SD (Software Design) ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย และสนใจในคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ลองศึกษาดูรายละเอียดและหลักสูตรต่าง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจ