ปากกาไฮไลท์อัจฉริยะตัวช่วยใหม่ในการสรุปเนื้อหาสำหรับนักอ่าน

การอ่านถือเป็นทักษะอย่างหนึ่งที่ต้องได้รับการฝึกฝนอยู่เสมอ สามารถฝึกได้ทุกเพศ ทุกวัย และทุกเวลา แบบไม่มีข้อจำกัด ถือได้ว่าถ้าอ่านมากก็จะมีประสบการณ์มากขึ้น การอ่านนั้นเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ทำให้รับรู้ เข้าใจ ในเรื่องของความรู้ ความคิด ประสบการณ์ และความบันเทิงต่าง ๆ ที่ผู้เขียนต้องการสื่อสารให้กับผู้อ่าน การอ่านจึงถือเป็นรูปแบบการรับสารประเภทหนึ่ง เหมือนกับการฟัง การอ่านเป็นการสื่อสารของผู้เขียนที่มีความรู้ ประสบการณ์ มีความต้องการที่จะนำสิ่งต่าง ๆ ที่รับรู้ หรือเข้าใจมานำเสนอให้ผู้อ่านได้อ่าน เพื่อให้เข้าใจในประเด็นต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น ผ่านข้อมูล ข่าวสาร และงานที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้น ผ่านการเขียน หรือการพิมพ์ด้วยสื่อต่าง ๆ เช่น จดหมาย หนังสือ วารสาร เรื่องเล่า และบทความ เป็นต้น การอ่านถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมากในทุกยุคทุกสมัย เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้คนในสังคมมีความรู้ และคุณภาพเพิ่มขึ้น เพราะได้รู้ในสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเพิ่มมากขึ้น การอ่านมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ประสบการณ์ ทำให้รู้เท่าทันสิ่งรอบตัว ช่วยเพิ่มกระบวนการคิดในแง่มุมต่าง ๆ และ การอ่านยังช่วยเพิ่มความสนุกสนาน หรือความบันเทิง

                การอ่านหนังสือส่วนใหญ่ผู้อ่านมักจะเน้นข้อความสำคัญที่ต้องการสรุปไว้ แต่ปัญหาคือ หนังสือ หรือเอกสารต่าง ๆ ที่ทำการเน้น หรือย้ำไว้จะดูเลอะเทอะ หรือสกปรกไปด้วยสีของปากกาไฮไลท์ ทำให้ไม่น่าหยิบมาอ่านซ้ำ ในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย นวัตกรรมปากกาไฮไลท์อัจฉริยะถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับนักอ่านหลาย ๆ คน ที่จะลดปัญหาจากปากกาไฮไลท์แบบธรรมดา ปากกาไฮไลท์อัจฉริยะนี้การใช้งาน ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ด้วยสัญญาณ Bluetooth โดยสามารถเชื่อมต่อได้กับทั้งคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก Smart Phone และ Tablet ปากกาไฮไลท์อัจฉริยะมีเซนเซอร์อยู่ที่บริเวณหัวของปากกา เพียงแค่เอาปากกาลากผ่านตัวหนังสือที่ต้องการจะเน้นย้ำ เซนเซอร์ก็จะทำหน้าที่ในการส่งข้อมูลที่ทำการลากผ่านไปยังหน้าจอของอุปกรณ์ที่ทำการเชื่อมต่อ Bluetooth ไว้ทันที ข้อมูลที่อยู่บนหน้าจอสามารถเลือกเก็บได้หลากหลายช่องทาง และสามารถที่จะทำการ Share ผ่าน Social Network ไม่ว่าจะเป็น Facebook Twitter หรือ แอปพลิเคชันอื่น ๆ ได้ในทันที โดยที่ถ้าต้องการแก้ไข หรือเพิ่มเติมข้อมูลก็สามารถทำได้ ด้วยการพิมพ์จากแป้นพิมพ์ สิ่งที่ถือได้ว่าทันสมัยที่สุดสำหรับนวัตกรรมปากกาไฮไลท์อัจฉริยะคือ สามารถแปลภาษาได้มากถึง 40 ภาษา ทำให้สามารถส่งข้อมูลให้กับคนต่างชาติรับรู้ไปพร้อม ๆ กัน นอกจากนี้ยังมีลูกเล่นในการอ่านบาร์โค้ดได้ และสามารถอ่านออกเสียงให้ฟังได้ทันที เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการละสายตาจากสิ่งที่กำลังอ่านอยู่ แต่ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ทำการเก็บบันทึกไว้คืออะไร

                การอ่านถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน ผู้ที่อ่านมากมักจะมีความรู้ ความคิดมากกว่าคนที่อ่านน้อย ปากกาไฮไลท์อัจฉริยะจะเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น หรือกลายมาเป็นผู้ช่วยคนใหม่สำหรับนักอ่านหนังสือ เพราะการทำงานสะดวก และรวดเร็วอย่างมาก ที่สำคัญที่สุดราคาก็ไม่แพงจนเกินเอื้อมถึง

สแกนม่านตาความปลอดภัยที่เลียนแบบกันไม่ได้

สังคมในปัจจุบันความปลอดภัยถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นสูงสุด เนื่องจากเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมาก การดำเนินชีวิตที่สะดวกสบาย ทำให้คนให้ความสำคัญกับวัตถุสิ่งของมาก เห็นแก่ความต้องการของตัวเองมากขึ้น จนนำไปสู่การเกิดปัญหาต่าง ๆ ที่มีเพิ่มมากขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้น ความปลอดภัยจึงกลายมาเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสนใจเป็นอันดับต้น ๆ การพัฒนาเทคโนโลยีจึงต้องพัฒนาควบคู่กับการพัฒนาด้านความปลอดภัย เทคโนโลยีที่ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นในชีวิตของทุกคนมากที่สุดก็คือ โทรศัพท์มือถือแบบ Smart Phone

                Smart Phone แทบจะเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตประจำวันอีกชิ้นหนึ่งของคนทุกคน เพราะ Smart Phone ทำให้เกิดความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตอย่างมากมาย มีการนำมาใช้แทบจะทุกกิจกรรมในการดำเนินชีวิต และที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันนำ Smart Phone มาใช้กับการเงินและการธนาคาร ทำให้เกิดอันตรายอย่างมากในการที่จะถูกขโมยทั้ง Smart Phone และเงินในบัญชี ดังนั้น ส่งผลให้ต้องมีการพัฒนาความปลอดภัยของ Smart Phone อย่างต่อเนื่อง อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้ผู้ใช้เชื่อมั่นได้ว่าแม้โทรศัพท์จะหาย แต่ก็ไม่มีใครสามารถเปิดโทรศัพท์และทำธุรกรรมอื่น ๆ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มมากขึ้น

ระบบสแกนม่านตาลักษณะเด่นเฉพาะคนที่เลียนแบบกันไม่ได้

                เทคโนโลยีใหม่ และมีความปลอดภัยอย่างมากสำหรับโทรศัพท์มือถือแบบ Smart Phone คือ การสแกนม่านตา (Iris Scanning) โดยเปลี่ยนจากการรักษาความปลอดภัยแบบเดิม ๆ คือการใส่รหัส หรือการสแกนนิ้วมือ ที่มีความปลอดภัยน้อยกว่า การสแกนม่านตาคือ ระบบการตรวจสอบการเข้ารหัสความปลอดภัยโดยใช้การตรวจสอบทางกายภาพของม่านตา ซึ่งม่านตาของแต่ละคนจะมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน เรียกได้ว่าเป็นลักษณะเฉพาะบุคคลที่เลียนแบบกันไม่ได้ ดังนั้น การนำระบบการสแกนม่านตามาใช้กับ Smart Phone จึงถือได้เป็นเทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยที่สุด รับรองได้ว่าไม่มีใครสามารถเข้าถึงการใช้งานภายในโทรศัพท์ได้

                ระบบสแกนม่านตาที่นำมาใช้กับ Smart Phone นั้น เริ่มตั้งแต่การปลดล็อกการเข้าหน้าจอ การทำงานก็สะดวกสบาย ด้วยการสแกนม่านตาครั้งแรกเพื่อให้ Smart Phone จดจำม่านตาของผู้ใช้งานก่อน จากนั้นเมื่อต้องการปลดล็อกก็เพียงแค่จ้องไปที่หน้าจอของ Smart Phone ก็สามารถใช้งานได้ทันที ทั้งสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย นอกจากนี้ยังนำการสแกนม่านตามาใช้กับการเก็บข้อมูลอื่น ๆ ที่ต้องการความปลอดภัยมาก เช่น สมุดโน้ต ไฟล์งานที่เป็นความลับของตนเอง หรือหน่วยงาน เป็นต้น

                ในอนาคตอันใกล้นี้ การสแกนม่านตาจะเข้ามามีบทบาทกับชีวิตของคนในสังคมมากขึ้น โดยจะมีการนำมาใช้ในหลายธุรกิจมากขึ้น เช่น ใช้ในการบันทึกเวลางานของพนักงาน ใช้กับระบบการทำธุรกรรมทางการเงินของธนาคาร และใช้สำหรับเช็คชื่อนักเรียนในโรงเรียน เป็นต้น  เพราะระบบการสแกนม่านตานี้จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถเกิดความรู้สึกเชื่อมั่นได้ว่าเกิดความปลอดภัยอย่างสูง และไม่สามารถที่จะปลอมแปลงกันได้ เรียกได้ว่าชีวิตจะสะดวกสบายแบบไม่เสี่ยงกับปัญหาที่จะตามมา

สรุป 10 สุดยอดแก็ดเจ็ตแห่งปี 2018

เว็บไซต์ TIME.com จากนิตยสาร TIME นิตยสารที่ชื่นชอบการจัดอันดับสิ่งต่าง ๆ อันเป็นสุดยอดแห่งปี ประกาศหมวด Gadget ยอดเยี่ยมประจำปี 2018 10 อันดับ ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลอุปกรณ์แก็ดเจ็ตไฮเทคที่อำนวยความสะดวก แนวคิดล้ำเลิศ และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะชน ไม่ร่ำไรไปชมกันเลยว่าแก็ดเจ็ตไหนบ้างที่ติดอันดับในปีนี้

1.Xbox Adaptive Controller คอนโทรลเลอร์หรือจอยสติ๊ก Xbox สำหรับผู้พิการ มันออกแบบมาด้วยแนวคิดที่เห็นอกเห็นใจว่าคนพิการนั้นมีสิ่งบันเทิงเริงใจน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นเกมนั้นเป็นประสบการณ์ที่ผู้พิการหลาย ๆ คนไม่มีโอกาสได้สัมผัสถึงความสนุกรูปแบบนี้เลย

2.Apple Watch Series 4 แอปเปิ้ลวอชรุ่นใหม่ล่าสุดที่อธิบายง่าย ๆ ว่ามันครอบคลุมการออกกำลังกายทุกรูปแบบมีฟังก์ชั่นและข้อมูลที่ออกแบบมาได้ดีสุด ๆ เรียกได้ว่าสำหรับคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย Apple Watch Series 4 เป็นคู่หูสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับคุณในเวลานี้

3. Fuji X-T3 Mirrorless camera รุ่นใหม่ล่าสุดจากฟูจิถูกให้ความเห็นว่าเป็นหนึ่งในกล้องที่ดีที่สุดในตอนนี้ ด้วยความรู้สึกแบบกล้องแมนนวลแต่ให้คุณภาพการถ่ายรูปและวิดีโอคุณภาพสูงแบบเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน

4.Dyson Airwrap โรลดัดและตกแต่งทรงผมระดับไฮเอนด์ที่เข้ามาอยู่ในอันดับยอดเยี่ยมแห่งปีด้วยดีไซน์สวยงามพรีเมี่ยมและคุณสมบัติสะสมความร้อนต่ำต่างจากอุปกรณ์ตกแต่งทรงผมชนิดเดียวกัน

5.Google Home Hub จอภาพคล้ายแท็บเล็ตที่มีไว้สำหรับควบคุมอุปกรณ์ไฮเทคต่าง ๆ ภายในบ้าน เช่นปรับแต่งความสว่าง แสงและสีหลอดไฟภายในบ้าน ดูสภาพอากาศ บันทึกและแสดงตารางนัดหมาย เล่นเพลง แปลงร่างเป็นกรอบรูป และคุณสมบัติการใช้งานอีกมากมาย

6.Amazon Fire Stick TV 4K อุปกรณ์หน้าตาคล้าย ๆ รีโมทนี้ใช้เชื่อมต่อทีวี สำหรับสตรีมมิ่งเพื่อรับชมคอนเทนต์ต่างๆจาก Amazon Prime ที่ความละเอียดถึง 4K ได้รับเลือกให้มาอยู่ในอันดับเพราะงานดีไซน์ที่ดูแล้วรู้ทันทีว่าเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมได้ เพราะนอกจากการใช้สตรีมมิ่งมันยังใช้ควบคุมอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างลำโพงได้อีกด้วย

7.Sonos Beam สุดยอดลำโพงแบบ Sound bar ที่ให้เสียงประหนึ่งอยู่ในโรงภาพยนตร์ ด้วยขนาดที่สวนทางกับความสามารถแถมยังมี Alexa ระบบควบคุมด้วยเสียงติดมาอีกจึงทำให้ Sonos Beam ติดอันดับแก็ดเจ็ตแห่งปีอย่างไม่ต้องสงสัย

8.DJI Mavic Zoom 2 โดรนติดกล้องที่สามารถถ่ายภาพความละเอียดได้ถึง 12 ล้านพิกเซิล ถ่ายวิดีโอความคมชัดระดับ 4K ที่เป็นไฮไลท์สำคัญคือมีเลนส์ซูม ภาพที่ได้คมชัดระดับเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมโทรทัศน์และภาพยนตร์เลยทีเดียว

9.iPad Pro 2018 หนึ่งในแท็บเล็ตที่ดีที่สุดในตลาด ณ ขณะนี้ โดยเฉพาะในด้านการใช้วาดรูปมันสามารถตอบโจทย์นักออกแบบได้อย่างลงตัวด้วยการปฏิวัติ Apple Pencil ครั้งใหญ่ ส่วนการดูหนังหรือเล่นเกมก็ทำได้ดีมากด้วยขุมพลังชิพเซ็ตตัวแรงอย่าง Apple A12X Bionic Octa Core มันจึงถูกคาดหวังว่าการมาด้วยความแรงระดับนี้ในอนาคต iPad Pro 2018 อาจจะมีแอพฯ ที่ใช้ในการทำงานมากกว่าเดิม

10.Caavo Control Center อุปกรณ์ Hub สำหรับรองรับการเชื่อมต่อ HDMI หลายอุปกรณ์ มันสามารถควบคุมการเปลี่ยนเครื่องเล่นได้ง่าย ๆ ด้วยรีโมทคอนโทรล การตั้งค่ายืดหยุ่นสามารถใช้งานได้ตามความต้องการของผู้ใช้เช่นใช้จอยสติ๊กเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ได้เป็นต้น

นี่คือสิบอันดับสุดยอดแก็ดเจ็ตดีเยี่ยมแห่งปี 2018 ซึ่งจัดอันดับโดยนิตยสารไทม์ที่เรานำมาฝากกัน แก็ดเจ็ตหลายชิ้นในอันดับเหล่านี้ทำการตลาดในประเทศไทยแล้ว บางอย่างเราก็ยังไม่มีโอกาสได้สัมผัส และยังมีแก็ดเจ็ตมากประโยชน์อีกหลายชิ้นที่อาจไม่ติดอันดับ ซึ่งหากมีการจัดอันดับที่น่าสนใจเราจะนำมาฝากกันในโอกาสต่อไป

ปกป้องทรัพย์สินด้วยควันไล่โจร

นับวันโจรขโมยชักจะชุกชุมยิ่งกว่ายุง ยิ่งสภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ด้วยแล้วข้าวยากหมากแพงโจรขโมยมันยิ่งออกอาละวาดใหญ่ ขโมยแม้แต่มิเตอร์น้ำประปา ถังแก๊ส สายไฟ น็อตสกรูเสาไฟฟ้าแรงสูง แม้แต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป กางเกงในมันยังไม่เว้น แม้จะมีกล้องวงจรปิดตีนแมวเหล่านี้ก็ไม่ยี่หระสวมไอ้โม่ง หมวกกันน็อคปิดบังหน้าตา บ้างเอาไม้แหย่ดันกล้องให้หันไปทิศทางอื่น เมื่อโจรขโมยเหล่านี้สรรหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อลักทรัพย์ชาวบ้านในทางกลับกันฝ่ายป้องกันก็ผุดนวัตกรรมใหม่ๆ ในการแก้เผ็ดเจ้าหัวขโมยเหล่านี้ออกมาเรื่อยๆ เช่นกัน ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์และปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ

ล่าสุด Verisure ผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยผุดไอเดียแจ๋ว ZeroVision ควันไล่ยุง เอ๊ย…ควันไล่โจร โดยมีแนวคิดที่ว่า “หากโจรมองไม่เห็น พวกเขาก็เอาอะไรไปไม่ได้” อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยนี้จะช่วยจัดการกับปัญหาตีนแมวย่องเบาเข้าไปลักทรัพย์ตามบ้านเรือน หลักการทำงานของมันคือการปล่อยควันหนาทึบเมื่อตรวจจับพบว่ามีผู้บุกรุกเข้าบ้าน ลองนึกดูสิว่าถ้าโจรเข้าบ้านแล้วอยู่ดีๆ มีควันพวยพุ่งออกมาอย่างกับเกิดอัคคีภัยโจรมันจะตกใจขนาดไหน? ยิ่งเป็นควันหนาทึบชนิดที่มองไม่เห็นอะไรเลย เจ้าขโมยตัวร้ายคงได้วิ่งเป็นหนูติดจั่นอย่างแน่นอน

ขั้นตอนโดยละเอียดในการทำงานของมันคือให้กล้องวงจรปิดอัจฉริยะคอยสอดส่องหาบุคคลน่าสงสัย หลังจากพบว่ามีบุคคลไม่พึงประสงค์อยู่ในบริเวณบ้านแล้วระบบจะส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ จากนั้นผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบความปลอดภัยจะสังเกตพฤติกรรมของบุคคลน่าสงสัยนั้นผ่านกล้องวงจรปิดภายในบ้าน และเมื่อแน่ใจ เห็นว่ามีผู้บุกรุกมีท่าทีน่าสงสัยให้เชื่อได้ว่าเป็นนักย่องเบา เจ้าหน้าที่จะสั่งการให้ระบบปล่อยควันหนาทึบออกมาในห้องที่มีการติดตั้งระบบนี้ ซึ่งทางผู้ผลิตการันตีว่าควันที่ออกมานั้นจะปิดกั้นทัศนวิสัยการมองเห็นอย่างสิ้นเชิงภายในระยะเวลาเพียง 45 วินาที หลังจากนั้นจะแจ้งไปยังสถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดเพื่อให้เข้าไปควบคุมตัวคนร้าย และแม้หากคนร้ายเกิดความตื่นตระหนกตกใจหนีเตลิดไปก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาก็จะไม่ได้ทรัพย์สินสำคัญใดๆ ติดมือไป โดย Verisure บริษัทผู้ผลิตยังอ้างว่าควันหนาทึบเหล่านั้นจะมลายหายสิ้นไปในระยะเวลา 45 นาทีและไม่ทิ้งสิ่งตกค้าง สารประกอบเคมีใดๆ ไว้ภายในบ้านเลยแม้แต่น้อย

แม้ระบบควันไล่โจรนี้จะมีมานานแล้วในต่างประเทศและไม่ใช่นวัตกรรมใหม่แต่อย่างใด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีการนำอุปกรณ์ปล่อยควันมาใช้กับระบบบ้านอัจฉริยะ ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ในวงการการรักษาความปลอดภัยเลยทีเดียว

 

ตัวอย่างประดิษฐกรรมฝีมือมนุษย์ที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล

โลกผ่านการวิวัฒนามาหลายยุคหลายสมัยด้วยสังคมมนุษย์ ตั้งแต่ยุคหิน ยุคเหล็ก ยุคสำริด เรื่อยมาจนยุคนี้ที่หลายคนเรียกว่ายุคดิจิตอล ถึงแม้จะมีวัยรุ่นบางจำพวกที่เปิดเพลงหมอลำเต้นเกลือกกลิ้งดินโคลน เหมือนยังอยู่ในยุคคนป่า แต่เชื่อเถอะว่าเรามาถึงยุคดิจิตอลแล้วจริงๆ เมื่อย้อนรอยถอยหลังดูแล้วโลกไม่ได้เปลี่ยนเพียงเพราะคนหรือสิ่งมีชีวิตจำพวกใดจำพวกหนึ่ง หากแต่โลกเปลี่ยนเพราะประดิษฐกรรมอันส่งผลให้การใช้ชีวิต สังคม และวัฒนธรรมของเราต่างจากเดิมไปอย่างสิ้นเชิง เราจึงอยากแนะนำสุดยอด 3 ประดิษฐกรรมฝีมือมนุษย์ที่เปลี่ยนโลกไปตลอดกาล

อันดับ 3 Iphone นับตั้งแต่ไอโฟนเปิดตัว โลกได้รู้จักกับโทรศัพท์ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่อุปกรณ์สื่อสาร มันสามารถทำให้ฟีเจอร์โฟนกลายเป็นเครื่องมือยุคหินใหม่ และทัชโฟนกลายเป็นของหลอกเด็กไปได้ในข้ามคืน ไอโฟนปฏิวัติทุกสิ่งที่เราเคยรู้ เปิดโลกทัศน์และสร้างเพดานที่สูงมากให้คู่แข่งทางการค้า หลังจากนั้นทั้งการใช้ชีวิต สังคมและวัฒนธรรมของมนุษย์เราก็ต่างจากก่อนหน้านั้นราวหน้ามือเป็นหลังมือ

อันดับ 2 LED หลอดแอลอีดีมีอยู่ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มาหลายสิบปี ทว่ากลับไม่มีความสำคัญใดมากนักเนื่องจากมีเพียงสีแดง สีเขียว สีเหลือง และสีส้ม ทำให้ไม่ครบองค์ประกอบสี ไม่สามารถนำมาใช้งานที่ต้องการเฉดสีอันหลากหลาย จนเมื่อนักวิทยาศาสตร์ค้นพบวิธีทำให้แอลอีดีเปล่งแสงสีน้ำเงินและสีขาวได้ในปีค.ศ. 1990 และ 1996 ตามลำดับ การค้นพบนี้ทำให้แอลอีดีครบองค์ประกอบสี ที่สำคัญคือมันไม่ต้องทำหน้าที่เพียงแค่เป็นป้ายไฟเชียร์นักร้องในการประกวด หรือตัววิ่งอักษรอีกต่อไป หลอดแอลอีดีมีคุณสมบัติที่ดีในเรื่องการนำความร้อนต่ำ ประหยัดไฟ อายุการใช้งานยาวนาน และเทคโนโลยีการผลิตที่ต้นทุนไม่สูงมากนัก จากนั้นเป็นต้นมาแอลอีดีก็เริ่มกลายเป็นนวัตกรรมเปลี่ยนโลกอีกชิ้นหนึ่ง กลายเป็นพระเอกในวงการอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งเทคโนโลยีการผลิตจอภาพ จอโทรศัพท์มือถือ หลอดไฟ ด้วยราคาที่ไม่สูง ใช้พลังงานต่ำ ทำให้หลายๆ อย่างที่ก่อนหน้านี้เป็นได้แค่ความฝันกลายเป็นความจริงขึ้นมา ทั้งจอภาพติดรถยนต์ สกอร์บอร์ดแบบฉายภาพได้ในสนามกีฬา หลอดไฟที่ตกไม่แตก เป็นต้น ในปี 2016 พบว่าทั่วโลกมีการเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED กว่า 50% แล้ว นั่นหมายความว่าเราสามารถลดการใช้พลังงานลงได้อย่างมหาศาล กระทบต่อธรรมชาติน้อยลง

อันดับ 1 ทรงกลม ประดิษฐกรรมเรียบง่ายทว่าสร้างคุณประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ รูปทรงกลมไม่ใช่รูปแบบที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เป็นฝีมือมนุษย์สรรสร้างขึ้นมา รูปทรงกลมปฏิวัติทุกอย่างในสังคมมนุษย์ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน จากการเดินเท้าสู่การใช้รถเทียมเกวียน ล้อรถจักรยาน รถยนต์ จนถึงรถไฟ เป็นส่วนประกอบในกลไกหลายๆ อย่างของเครื่องจักรมหากาฬไปจนถึงสิ่งเล็กๆ อย่างหัวปากกาลูกลื่น มันอยู่ในงานออกแบบทั้งดำน้ำและลอยบนอากาศ รูปทรงกลมมีบทบาทมากมายรอบตัวเรา ทั้งที่เห็นชัดเจนและแอบซ่อนอยู่ในที่ลับตา รูปทรงกลมจึงเป็นสุดยอดประดิษฐกรรมของมนุษย์ตลอดกาลอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบได้

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ จริงๆ แล้วยังมีสิ่งประดิษฐ์ฝีมือมนุษย์อีกมากหลายที่สร้างประโยชน์ให้โลกโดยที่เราไม่ได้กล่าวถึง ณ ที่นี้ เรายกมาเพียงแค่สิ่งประดิษฐ์ที่มีอิทธิพลต่อยุคสมัยอย่างมาก แต่ทุกประดิษฐกรรมล้วนมีคุณค่าในแบบของมันและเราควรขอบคุณบุคคลที่คิดค้นสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาจนเป็นเราในทุกวันนี้

 

นวัตกรรมจอเสริมโน๊ตบุ๊คเคลื่อนที่ ไม่ต้องแบกจอใหญ่อีกต่อไป

ไม่ว่าจะเป็นการพรีเซ้นงาน เล่นเกม หรือดูหนังในโน๊ตบุ๊ค หลายคนต้องการที่จะมีจอเพิ่มเข้ามาอีกสัก 2 จอ เพื่อจะสามารถใช้งานที่ละหลาย ๆ หน้าจอได้ เหมือนได้ดูหนังหลาย ๆ จอ หรือเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกม แต่เราสามารถทำแบบนี้ได้ที่บ้านเท่านั้น เนื่องจากถึงคอมที่เราใช้จะเป็นโน๊ตบุ๊ค แต่จอที่เราต่อเสริมนั้นเป็นจอคอม หรือทีวี ซึ่งไม่สะดวกสบายในการเคลื่อนย้ายเลย เพราะมีขนาดและฐานที่ใหญ่ และมีน้ำหนักมาก ซึ่งมันจะดีกว่าและสะดวกสบายกว่ายิ่งขึ้น ถ้าเราสามารถยกจอที่เราต่อเสริมไปไหนมาไหนกับเราได้ และในตอนนี้มีการคิดค้นอุปกรณ์ที่สามารถพกจอแบบเคลื่อนที่ได้ติดไปกับตัวเครื่องคอม โดยที่ไม่มีฐานและน้ำหนักมากเกินไป และเป็นที่น่าสนใจมากนโลกของอินเตอร์เน็ต

มีคลิปไวรัลคลิปหนึ่งที่ออกมาเกี่ยวกับการใช้จอเสริมแบบนี้ ซึ่งลักษณะจะเป็นตัวเก็บจอแสดงผลทรงสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากับหน้าจอโน๊ตบุ๊คของเรา แต่ด้านในจะเป็นช่องไว้เก็บหน้าจอได้ 2 จอ ซึ่งจะมีสาย USB มาให้ต่อกับเครื่องเพื่อให้จอแสดงผลได้ ถือได้ว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ สำหรับหลาย ๆ คน

ช่วยเพิ่มการตัดสินใจ สเปคและรายละเอียดที่ควรรู้ของอุปกรณ์ต่อจอเสริม

                อุปกรณ์ชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์เสริมที่ต่อแยกมาจากตัวโน๊ตบุ๊ค โดยผู้ใช้สามารถดึงจอออกมาสองจอทั้งซ้ายและขวา หลังจากนั้นเสียบสาย USB หน้าจอก็จะแสดงผลและเริ่มใช้งานได้ ซึ่งถ้าพูดถึงสเปคหรือความคำชัดของจอ ก็ถือว่าใช้ได้ในระดับหนึ่งสำหรับจอเสริมของโน๊ตบุ๊ค เริ่มจากขนาดหน้าจอ อย่างทราบกันไปแล้วว่าตัวอุปกรณ์เสริมนี้จะมีหน้าจอเท่ากับเครื่องของผู้ใช้งาน เพราะฉะนั้นจึงมี 3 ไซส์ให้เลือกใช้ คือ 13 15 และ 17 นิ้ว หรือถ้าแปลงเป็นเซนติเมตรก็จะได้เป็น 33 38 และ 43 เซนติเมตร แล้วแต่ขนาดจอของผู้ใช้งาน ต่อมาคือความคมชัดของภาพ อยู่ในระดับ Full HD ที่มี resolution เป็น 1920X1080 จอเป็น LED ซึ่งสามารถใช้รันกับ USB พอร์ท 3.0 หรือ USB พอร์ท  2.0 ก็ได้ นอกจากนี้ลักษณะการขยับจอ ผู้ใช้งานหมดจอได้แบบ 180 องศา รอบทิศทางในเวลาที่ต้องการจะแชร์จอให้กับคนอื่น ๆ ดูด้วย

อุปกรณ์นี้เป็นประโยชน์ต่อการประชุมต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องมีการแสดงจอให้กับคนอื่น ๆ ดู และเรื่องการเคลื่อนย้ายต่าง ๆ แต่ราคาก็ค่อนข้างที่จะอยู่ประมาณกลางถึงสูง สนนราคาประมาณ 416 เหรียญสหรัฐ แปลงเป็นเงินไทยประมาณ 14,000 กว่าบาท ถ้ามองอีกมุมหนึ่งเราสามารถที่จะซื้อคอมเครื่องใหม่ได้เลย แต่ในทางกลับกัน สำหรับคนที่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ ราคา 14,000 ที่แลกกับสองเสริมถึงสองจอ และการเคลื่อนย้ายไปที่ไหนก็ได้น่าจะคุ้มค่ากว่าการซื้อจอคอมจริง ๆ สองจอที่มีขนาดเท่ากับโน๊ตบุ๊คหรือใหญ่กว่า ขึ้นอยู่กับการพิจาราณาและความเหมาะสมของแต่ละคน

 

จะดีแค่ไหน ? กับแท็บเล็ตที่พับได้กลายเป็นโทรศัพท์ในอันเดียวกัน (Foldable Phone)

เคยรู้สึกไหมว่าบางครั้งกิจกรรมที่เราอยากทำ ก็ต้องการใช้หน้าจอขนาดใหญ่ แต่หลังจากนั้นขนาดที่ใหญ่เทอะทะก็ทำให้การพกพาไปในที่ต่าง ๆ ค่อนข้างจะไม่สะดวก มันจะดีแค่ไหนถ้าหากโทรศัพท์ของเราสามารถพับปรับขนาดให้เล็กลงก็ได้ หรือกางออกมาเพื่อให้ใหญ่ขึ้นก็ได้ในเวลาที่ต้องการ

ด้วยความล้ำหน้าของเทคโนโลยีจะช่วยตอบสนองความต้องการนี้ได้ด้วย “มือถือพับได้” ไม่ใช่โทรศัพท์แบบฝาพับแบบเมื่อก่อนนะ แต่เป็นมือถือที่พับหน้าจอได้จริง ๆ หรือที่เรียกกันในนามว่า Foldable Phone หลาย ๆ บริษัทได้พยายามคิดค้นและพัฒนาเจ้าสมาร์ทโฟนพับได้นี้อย่างต่อเนื่อง แต่ทว่า นอกจากการแก้ไขปัญหาทางเทคนิคในหลาย ๆ ด้าน ยังคงต้องคำนึงถึงการออกแบบพัฒนาหน้าตาการใช้งาน หรือ UX (User Experience) สำหรับหน้าจอขนาดต่าง ๆ อีกด้วย

ผู้ใช้จะสามารถสัมผัสกับประสบการณ์การใช้สมาร์ทโฟนแบบใหม่ที่ไร้ขอบเขตมากยิ่งขึ้นได้ด้วยเจ้าสมาร์ทโฟนพับได้นี้ เมื่อผู้ใช้ทำการพับหน้าจอก็จะสามารถใช้งานได้เหมือนสมาร์ทโฟนปกติทั่วไป แต่เมื่อผู้ใช้กางมันออกลักษณะเหมือนเปิดสมุดหรือหนังสือ ก็จะได้พบกับแท็บเล็ตจอใหญ่ ที่สามารถตั้งการให้ใช้งาน 2 แอพพลิเคชั่นที่ต่างกันในแต่ละหน้าจอ หรือใช้งานเพียงแอพพลิเคชั่นเดียวด้วยจอใหญ่เลยก็ได้ (Full screen)

สมาร์ทโฟนพับได้ ทำได้อย่างไร ?

ทั้งนี้เทคโนโลยีสำคัญในการสร้างสมาร์ทโฟนพับได้ ก็คือหน้าจอแสดงผล OLED โดยหน้าจอนั้นจะต้องมีความยืดหยุ่น เพื่อที่จะทำให้หน้าจอสามารถถูกพับได้ โดย OLED (Organic Light Emitting Diodes) มีลักษณะคล้ายแผ่นฟิล์มที่มีส่วนประกอบเป็นสารอินทรีย์ โดยมีทั้งแบบโพลีเมอร์ (Polymer) และโมเลกุลขนาดเล็กที่สามารถเปล่งแสงเองได้เมื่อได้รับพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งพลังงาน เช่น แบตเตอรี่ โดย OLED จะบาง เบา และมีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถปรับให้โค้งงอได้ สิ่งที่ต้องค้นคว้าพัฒนาต่อไปคงจะเป็นอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จะต้องปรับโค้ง หรือพับได้ตามไปด้วย อีกทางเลือกหนึ่งคือต้องศึกษาวางแผนการจัดวางอุปกรณ์เหล่านั้นที่จะไม่ส่งผลกระทบกับการพับหรือบิดงอ จำพวก แผงวงจร แบตเตอรี่ และอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตามมาพร้อมกับความสามารถก็คือ น้ำหนักซึ่งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน บวกกับแบตเตอรี่ที่จะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อการรองรับการใช้งานที่มากขึ้น และจุดด้อยของสารอินทรีย์ที่ใช้ทำ OLED นั้นก็คือมีความเสียหายได้ง่ายเมื่อโดนน้ำหรือออกซิเจน ประกอบกับฟิล์มที่ให้กำเนิดสีน้ำเงินของ OLED นั้นมีอายุการใช้งานสั้นซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการจอเบิร์นได้ง่าย และที่สำคัญที่สุด ราคาที่มากับเทคโนโลยีนั้น คงเป็นสิ่งที่ต้องประเมิณพิจารณาตัดสินใจอีกครั้งเช่นกัน

 

แบตเตอรี่ยุคใหม่ สร้างความแฮปปี้ได้มากแค่ไหน ไปดูกันเลย

เทคโนโลยีถูกพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน สมาร์ทโฮม สมาร์ทวอช รถยนต์ และอื่น ๆ แต่ทว่าอุปกรณ์หลายอย่างเหล่านั้นต้องการแหล่งพลังงานในการทำงาน ซึ่งวิวัฒนาการสำหรับวัสดุให้พลังงานหรือแบตเตอรี่นั้นยังมีข้อจำกัด และต้องการการพัฒนามากยิ่งขึ้น นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านเคมีก็ได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาแบตเตอรี่เช่นกัน เพื่อตอบสนองความสามารถของอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างต่อเนื่องยาวนาน

มาตรฐานด้านความสามารถในการอัดประจุของแบตเตอรี่ จะขึ้นอยู่กับระบบการกักเก็บพลังงาน คงเป็นที่รู้จักกันดีกับ แบตเตอรี่ลิเธียม (Lithium-ion Batteries) โดยลิเธียมนั้นเป็นโลหะเบา และให้แรงดันไฟฟ้าสูง ความหนาแน่นพลังงานสูง จึงถูกนำมาใช้ในการพัฒนาแบตเตอรี่สำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย

ทางเลือกใหม่ของแบตเตอรี่ในรูปแบบอื่น

  • โซเดียมไอออน(sodiumion)

โซเดียม หรือก็คือส่วนประกอบหลังของเกลือที่ใช้ในการปรุงอาหารนั่นเอง การนำโซเดียมมาทำแบตเตอรี่นั้นทำให้โซเดียมไอออนมีความได้เปรียบทางด้านต้นทุนการผลิตเพราะหาได้ง่าย เพราะน้ำทะเลเองก็เต็มไปด้วยโซเดียม และมีความปลอดภัยสูงกว่าลิเธียมไอออนแบตเตอรี่อีกด้วย

  • คาร์บอนแบตเตอรี่ (carbon battery)

ผลึกคาร์บอนหรือวัสดุพวก Graphene มีคุณสมบัติที่แข็งแกร่ง และเบากว่าเหล็กธรรมดาทั่วไปมากถึง 6 เท่า ทำให้สามารถลำเลียงส่งกระแสไฟออกมาใช้ได้ในปริมาณที่มากกว่า การชาร์จไฟเข้าเร็วกว่าแบตเตอรี่อย่างลิเธียมไอออนมากถึง 20 เท่า และมีอายุการใช้งานนานกว่าอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น คาร์บอนยังถือเป็นทรัพยากรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า

  • เส้นลวดนาโน(nanowires)

การใช้เส้นใยสายไฟนาโนที่มีขนาดบาง ยิ่งกว่าเส้นผมมนุษย์เป็นพันเท่า เมื่อนำมาเป็นส่วนผสมในแบตเตอรี่ จะช่วยเพิ่มพื้นที่และการเก็บประจุ การถ่ายเทประจุไฟฟ้ามากขึ้น จึงทำให้อายุการใช้งานนานมากขึ้น แต่ด้วยความบางจึงส่งผลให้สภาพของมันบอบบางไปด้วย

  • โฟมแบตเตอรี่ (foam battery)

โฟมอาจทำให้รู้สึกแปลกเมื่อนำมาทำเป็นแบตเตอรี่ แต่เมื่อนำโฟมมาเคลือบด้วยแอโนด (anode) จะสามารถสร้างแบตเตอรี่ที่ชาร์จไฟเข้าได้เร็วกว่าแบตเตอรี่อย่างลิเธียมไอออนถึง 5 เท่า ที่สำคัญโฟมเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ราคาถูก ปลอดภัย และอายุการใช้งานยาวนานกว่าลิเธียมไอออนแบตเตอรี่

ยังคงมีอีกมากมายหลากหลายผลิตภัณฑ์ ที่สามารถนำมาเป็นทางเลือกในการผลิตแบตเตอรี่ การค้นคว้าวิจัยอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ขีดความสามารถของแบตเตอรี่ก้าวล้ำอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งด้านความอึด ความทน อายุการใช้งาน น้ำหนักของแบตเตอรี่ ความเร็วในการชาร์จไฟเข้า เพื่อความสะดวกสบายของผู้บริโภคโดยไม่ต้องมาคอยกังวลว่าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะไม่มีแบตเตอรี่ระหว่างการใช้งาน ต้องเตรียมอุปกรณ์ชาร์จไฟสำรองไว้ หรือหากต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่กับอุปกรณ์เช่น ในสมาร์ทโฟน แล้วต้องเสี่ยงกับการที่สีฝาหลังหลุดหลอก หรือสูญเสียคุณสมบัติกันน้ำไปจากการเปิดฝา และความกังวลอื่น ๆ