การเกษตรในอดีตที่ทำเพื่ออยู่ทำเพื่อกินนั้น เป็นเรื่องปกติที่ผลผลิตจะได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่กับการเกษตรเพื่อการจำหน่ายนั้นการสูญเสียผลผลิตถือเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งหมายถึงผลกำไรที่หายไป เงินทุนหมุนเวียนในฤดูกาลหน้าหรือปีถัดไปก็เช่นกัน ทุกวันนี้เกษตรกรของไทยเป็นหนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรกว่าแปดแสนล้านบาทต่อปี ยังไม่นับหนี้อันเกิดจากสถาบันการเงินอื่นๆ อีกจำนวนมหาศาล ภาครัฐรวมทั้งเอกชนเองเล็งเห็นปัญหานี้และต่างมองหาทางออก ทางเลือกในการทำการเกษตร ช่องทางในการจำหน่ายผลิตผล
เกษตรอัจฉริยะ เป็นทางเลือกที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในบรรดาวิธีการทั้งหมดที่โลกมองหา การเกษตรอัจฉริยะอยู่บนแนวคิดที่เรียกว่าเกษตรแม่นยำสูง เป็นที่นิยมมากในประเทศสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย อินเดีย และทั่วทั้งทวีปยุโรป หลักการคือใช้ฐานข้อมูลบริหารจัดการสำเร็จรูป เก็บข้อมูลอุณหภูมิ น้ำ ความชื้น ภาพถ่ายทางอากาศ พยากรณ์อากาศ และข้อมูลของดิน มาช่วยในการวิเคราะห์ด้วย Big Data จากนั้นจึงสรุปเป็นตัวเลขหรือข้อมูลแบบรูปภาพแอนิเมชั่น ช่วยให้เกษตรกรเข้าใจได้โดยง่ายและสามารถจัดการกับพืชผลในเรือนสวน ไร่ นา ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกแสดงให้รับทราบผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือเข้าสู่การแจ้งเตือนในแอพพลิเคชั่น ทำให้เกษตรกรสามารถวางแผนล่วงหน้าได้ นอกจากจะแสดงข้อมูลสำคัญแทบทุกด้าน แอพพลิเคชั่นเหล่านี้จะมีคำแนะนำในการเพาะปลูก การจัดการกับปัญหา การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ของพืชชนิดนั้นๆ อย่างถูกต้องแม่นยำ
ที่ขาดเสียไม่ได้คือเครื่องกลในการเกษตรที่ล้ำหน้าไปอย่างไม่หยุดนิ่งทั้งหุ่นยนต์ปรับพื้นที่ ไถ หว่านเมล็ดได้เอง ระบบให้น้ำที่ครอบคลุม ทั่วถึง จ่ายน้ำและหยุดได้เองตามการตั้งเวลาหรือตามอุณหภูมิ ความชื้นสัมพัทธ์ โดยที่มนุษย์ทำหน้าที่แค่อ่านค่าที่ถูกวิเคราะห์บนมือถือหรือแท็ปเล็ต และเก็บเกี่ยวสำหรับพืชอ่อนไหวบางชนิดยังต้องใช้มนุษย์ในการเก็บผลผลิต
การเกษตรอัจฉริยะมุ่งเน้นให้เกษตรกรลดค่าใช้จ่ายในการจ้างแรงงาน มีรายได้เพิ่ม ลดการสูญเสียของผลผลิต แน่นอนตัวเลขของระบบบริหารจัดการนี้ไม่น้อย แต่ในระยะยาวอย่างไรก็ตามเกษตรกรก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเห็นถึงความคุ้มค่าและผลของการผลักดันจากทุกภาคส่วนให้เป็นไปในแนวทางนี้ อีกไม่นานทั้งรัฐและเอกชนจะเตรียมสนับสนุนทั้งแหล่งเงินทุน และองค์ความรู้ให้เกษตรกรเพราะเล็งเห็นว่าหากเกษตรกรมีความรู้ เกษตรกรรมเติบโต นั่นหมายถึงรายได้มหาศาลที่จะหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศ
เพราะฉะนั้นคำตอบของคำถามที่ว่าทำการเกษตรแบบ Smart Farming ที่ต้องลงทุนเป็นแสนเป็นล้านคุ้มหรือไม่? คำตอบคือไม่ว่าอย่างไรก็คุ้ม ตัวอย่างมีให้เห็นทั้งในต่างประเทศและประเทศเราเอง เด็กรุ่นใหม่หลายคนยอมทิ้งชีวิตในกรุง ทิ้งงานออฟฟิศเพื่อมุ่งทำการเกษตรอัจฉริยะ บางคนมีความรู้ระดับด็อกเตอร์แต่กลับหันมาทำสวนทำไร่ ลองนึกดูสิว่าพวกเขามองเห็นอะไรในอนาคตของการเกษตร?