สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนแล้ว ใบอนุญาติขับขี่หรือใบขับขี่เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องนำติดตัวไปยามเดินทาง มันเป็นเครื่องยืนยันว่าบุคคลนั้น ๆ ได้รับอนุญาตจากรัฐให้สามารถใช้ยวดยานพาหนะแต่ละประเภทโดยถูกต้องตามกฏหมาย แต่ถึงแม้มันจะสำคัญมาก ๆ หลายคนก็ยังลืมพกใบขับขี่ติดตัว คนอีกจำนวนหนึ่งไม่มีและไม่สนใจจะทำใบขับขี่ด้วยซ้ำ นั่นส่งผลให้เมื่อเกิดอุบัติเหตุคนไม่มีใบอนุญาตขับขี่มักเสียเปรียบทางข้อกฏหมาย ต้องรับผิดชอบความผิดไปเต็ม ๆ แม้บางกรณีความผิดพลาดไม่ได้เกิดจากตัวผู้ขับขี่เองแต่มาจากคู่กรณีก็ตาม
ในส่วนของผู้มีใบขับขี่ ความไม่ชอบธรรม ดูไม่แฟร์ เป็นคำถามที่สังคมให้ข้อสงสัยและถกเถียงกันมาตลอดว่าสรุปแล้วใบขับขี่ต้องพกติดตัวหรือไม่? มีใบขับขี่แต่ลืมพกติดตัวผิดหรือไม่? เพราะการเมืองที่ผันผวน การกลับไปใช้กฏหมายในอดีต สร้างความสับสนให้ประชาชนเสมอว่าต้องยึดถือกฏหมายฉบับใด ซึ่งในปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการบูรณาการผนวกกฎหมาย 2 ฉบับ คือ พระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 เข้าด้วยกัน ด้วยพรบ.ดังกล่าวสรุปแล้วว่าการไม่แสดงใบอนุญาตไม่ว่ากรณีใด ๆ คือความผิดและมีโทษปรับ ส่วนสำคัญของเรื่องนี้คือกฏหมายให้โทษผู้ขับขี่ที่ไม่แสดงใบอนุญาตขับขี่แก่เจ้าหน้าที่นี่เอง เพราะมันมีแนวโน้มว่ากฏหมายดังกล่าวจะถูกแก้ไขเป็นยาแรงเพิ่มโทษจากโทษปรับจากไม่เกิน 1,000 บาท เป็นโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาทอีกด้วย
ในเมื่อโทษปรับอาจจะแพงไปถึงระดับนั้นและการไม่สร้างทางออกให้ประชาชนก็จะเป็นการซ้ำเติมกันเกินไป นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) และคณะทำงานจึงผุดไอเดียสุดสร้างสรรค์เป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ด้วยการออกใบขับขี่อัจฉริยะ ซึ่งจะถูกกำหนดให้สามารถใช้ได้อย่างถูกต้องตามกฏหมายประมาณกลางเดือนมกราคม พ.ศ. 2562 โดยใบขับขี่อัจฉริยะนี้จะเชื่อมข้อมูลใบอนุญาตขับขี่เข้ากับแอพพลิเคชั่นในโทรศัพท์มือถือ เมื่อถูกเรียกตรวจประชาชนสามารถแสดงใบอนุญาตขับขี่นี้ผ่านหน้าจอโทรศัพท์แก่เจ้าหน้าที่ได้ทันที จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการสแกนคิวอาร์ โค้ดเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ตัวผู้ใช้รถใช้ถนนเองหากได้รับใบสั่งก็สามารถตรวจสอบใบสั่งที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจผ่านแอพพลิเคชั่นนี้ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อขจัดปัญหาการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ขับขี่และเจ้าหน้าที่ ใบสั่งปลอม การทุจริต รวมทั้งการถูกกลั่นแกล้งอีกด้วย และแอพพลิเคชั่นนี้ยังสามารถแสดงพิกัดของผู้ถือใบขับขี่ เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุและต้องการขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้อีกด้วย
ถือว่าใบอนุญาตขับขี่อัจฉริยะนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรักษาผลประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งยังเข้าไปบีบรัดให้เจ้าหน้าที่ต้องทำการอย่างโปร่งใส ลดอำนาจเจ้าหน้าที่บางคนอันมีพฤติกรรมนอกลู่นอกทาง ซึ่งอาจเข้าข่ายกลั่นแกล้งประชาชน อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการป้องกันความเข้าใจที่ไม่ตรงกันระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชน ในช่วงเริ่มแรกกรมการขนส่งทางบกยังขอให้พี่น้องประชาชนใช้ใบขับขี่ทั้งสองควบคู่กันไป จนกว่าทุกฝ่ายจะเข้าใจตรงกันเสียก่อน