เป็นเรื่องราวที่สุดแสนจะเหลือเชื่อเมื่อกลุ่มบริษัทไฮเทคที่มีมูลค่าทางการตลาดนับหมื่นล้านอย่างแอปเปิ้ล ทวิตเตอร์ และเฟสบุ๊ค กลับมีพนักงานที่เป็นคนไร้บ้าน แถมบางคนยังแทบไม่มีจะกินด้วยซ้ำ น่าตกใจเมื่อพบว่าอัตราคนไร้บ้านเพิ่มมากขึ้นอย่างทวีคูณในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะเขตเบย์แอเรียซานฟรานซิสโก พบพนักงานประจำมีวิถีชีวิตลำเค็ญหลังเลิกงานต้องกลับมานอนในรถทุกคืน โดยอาศัยห้องน้ำที่ทำงานและห้องสมุดเป็นที่อาบน้ำ ซึ่งเป็นผลพวงของยุคตื่นทองใหม่ ผู้คนที่มีความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีหลั่งไหลเข้าทำงานกับบริษัทไฮเทคชื่อดังในรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้ค่าเช่าที่อยู่อาศัยพุ่งสูงขึ้นสวนทางกับรายได้ของพนักงานบริษัทดังกล่าวที่ยังคงหยุดนิ่ง ซึ่งความไม่เท่าเทียมด้านรายได้ในรัฐแคลิฟอร์เนียนับวันก็ยิ่งจะเพิ่มสูงขึ้น
จากการสำรวจของหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นระบุว่าที่ลอสแอนเจลิส เคาน์ตี มีประชากรกว่า 50,000 คนเป็นบุคคลไร้บ้าน และ 7,499 คนในเมืองซานฟรานซิสโกยอมรับว่ามีประสบการณ์ไร้บ้านเมื่อครั้งอดีต ที่น่าตกใจกว่านั้นคือประมาณ 10% ของจำนวน 4,990 คนที่อาศัยในเมืองซานดิเอโกระบุว่า “พวกเขามีงานทำ” แม้ในย่านดาวน์ทาวน์ตามถนนมาร์เก็ต (Market Street) ที่ตั้งของห้างร้านหรูหราชั้นนำก็มีคนจรอยู่ข้างถนนมากมาย เหตุการณ์นี้เป็นวิกฤตที่ถูกนิยามโดย สตีฟ โลเปซ (Steve Lopez) นักเขียนจากหนังสือพิมพ์แอลเอไทม์สว่า “สภาวะคนชั้นกลางไร้บ้าน”
สภาวะคนชั้นกลางไร้บ้านในรัฐแคลิฟอร์เนียนั้นเป็นวิกฤตที่ตรงตามชื่อของมันคือกลุ่มคนชั้นกลางที่มีรายได้มีงานประจำทำแต่กลับไม่มีที่พักอาศัย บ้างอาศัยนอนในรถ อีกหลายคนนอนข้างถนน ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพอับอาย ไม่กล้าเปิดเผยให้เพื่อนร่วมงานหรือเจ้านายรับทราบ เป็นความสัตย์จริงที่แทบไม่น่าเชื่อในจำนวนคนไร้บ้านเหล่านี้มีพนักงานของบริษัทเฟสบุ๊คและทวิตเตอร์ (คาดว่าพนักงานรายนี้อยู่ในตำแหน่งวิศวกรซอฟต์แวร์) ออกมายอมรับกับสำนักพิมพ์เดอะการ์เดี้ยนเมื่อต้นปี 2017 ว่าพวกเขาแทบจะไม่มีจะกินในแต่ละวัน ส่วนพนักงานบริษัทไฮเทคอีกแห่งระบุว่า ตนต้องนอนบนเตียง 2 ชั้นในบ้านเช่าขนาด 2 ห้องนอนอาศัยร่วมกันกับวิศวกรคนอื่นๆ อีก 12 คนในราคาค่าเช่า 1,100 ดอลลาร์ และนอกจากนี้จากการสำรวจยังพบอีกว่า มีพนักงานของบริษัทแอปเปิ้ลต้องอาศัยอยู่อย่างน่าเวทนาในโรงรถแบ่งเช่าที่เมืองซานตาครูซ ทั้งยังใช้ถังน้ำเป็นสุขาสำหรับการขับถ่ายอีกด้วย
เราเคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในโตเกียวของญี่ปุ่นมานานแล้วที่พนักงานออฟฟิศไม่มีที่อยู่ และแทบไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นในประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา แถมเกิดขึ้นกับพนักงานบริษัทชื่อดังเสียด้วย เราก็ได้แต่เอาใจช่วยคนที่อยู่ในวิกฤตนี้ให้ผ่านพ้นมันไปด้วยดีและภาวนาขออย่าให้มันเกิดขึ้นกับใครเลย