เทคโนโลยีล้ำยุคที่กลายเป็นจริง ไมโครชิพสามารถใช้กับคนได้แล้ว

เราอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วเกี่ยวกับไมโครชิพ ชิพขนาดเล็กสารพัดประโยชน์ที่ถูกนำมาใช้กันในหลายรูปแบบ และมีหน้าที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ติดตามผล แสกน หรือตรวจจับสิ่งต่าง ๆ เป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อโลกเราในยุคนี้มาก แต่ใครจะคิดว่าวันนึงไมโครชิพจะถูกพัฒนาขึ้นมา จนกระทั่งสามารถนำมาใช้กับสิ่งมีชีวิตได้

เมื่อหลายปีที่ผ่านมา มีการรายงานข่าวเรื่องของการนำไมโครชิพไปไว้ในตัวของสุนัข เพื่อใช้ในการระบุตัวตนของสุนัข รวมไปถึงมตามหาเจ้าของได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น ในไมโครชิพจะมีข้อมูลของชื่อเจ้าของ รายละเอียดข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ และ GPS เพื่อใช้ติดตามตัวของสุนัข ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หน้าจับตามองมากในช่วงนั้น แต่ก็มีเสียงวิพากย์วิจารณ์มากมายทั้งในด้านบวกและลบจากคนทั่วไปและคนรักสัตว์ เนื่องจากมีการนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายของสัตว์ อาจจะสามารถเกิดผลข้างเคียงในการใช้งานก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ก็มีเรื่องให้ตกใจกันอย่างมากเกิดขึ้น เมื่อทางสหรัฐอเมริกาได้ประกาศรับรองและอนุญาตให้สามารถฝังไมโครชิพไว้ในร่างกายของคนจริง ๆ ได้ ถือเป็นประเด็นที่หลายคนกำลังกังวลและไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

ฝังไมโครชิพเพื่ออะไร และชีวิตจะดีขึ้นจริงหรือไม่

จุดเริ่มต้นของการฝังไมโครชิพในคน จริง ๆ เริ่มจากที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

เพื่อที่จะใช้ในทางการแพทย์ ทำให้ทางแพทย์สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธืภาพมากขึ้น ไมโครชิพจะมีขนาดเล็ก เปรียบได้เหมือนกับเม็ดข้าวเม็ดหนึ่ง ที่มีวงจรและระบบการเก็บข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งจากประเด็นนี้ ทำให้มีคนนำไมโครชิพไปพัฒนาเพื่อให้สามารถใช้กันในวงกว้างได้ง่ายขึ้น โดยการทำให้มันกลายเป็น GPS ไปจนถึงเทคโนโลยีล้ำยุค เช่น การใช้ชำระเงิน หรือการแสกนต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้บัตรหรือวัสดุอะไรอีกต่อไป ใช้แค่ไมโครชิพในร่างกายเป็นตัวเก็บข้อมูล และสามารถใช้แสกนเพื่อทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกสบาย รวมไปถึงการตามหาตำแหน่งที่อยู่ได้ตลอดเวลาจาก GPS ในไมโครชิพ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นอย่างดีที่จะมีการในเทคโนโลยีไปใส่ไว้ในตัวของมนุษย์

คาดการอนาคตของไมโครชิพในตัวมนุษย์ ควรจะมีจริง ๆ หรือไม่

แน่นอนว่ามนุษย์ไม่หยุดพัฒนา เหตุการณ์นี้ก็เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นให้มนุษย์ทำสิ่งใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในบางครั้งอาจจะมีคำถามจากคนบางกลุ่มเกิดขึ้นมาว่ามันสมควรแล้วจริง ๆ หรือ หลายคนมองว่าเป็นเรื่องสะดวกสบายที่จะไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรให้ยุ่งยากวุ่นวาย ตัวของเราถูกเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคต่าง ๆ จะไม่มีปัญหาการลืมของ ลืมบัตร แล้วไม่สามารถใช้แสกนอะไรอีกต่อไป ถือเป็นการยกระดับชีวิตให้สมาร์ทขึ้นได้อย่างเห็นผลจริง แต่ในอีกมุมมองหนึ่งในฝั่งของมนุษยชน ร่างกายคนเราสมควรแล้วหรอที่จะนำสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย ถึงแม้ว่าจะมีเหตุผล แต่มันคุ้มค่าหรือไม่ถ้าเกิดปัญหาในอนาคต ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร มีความเสี่ยงมากขนาดไหน เป็นสองความคิดที่ยังจบกันไม่ลง คงจะต้องติดตามข่าวสารและข้อสรุปกันต่อไปในอนาคต